Balance of Power indicator คืออะไร
BoP หรือ Balance of Power indicator คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดทางการเงิน เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบแรงขับเคลื่อนของราคาในตลาดโดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขาย หลักการทำงานของ BoP คือการวัดความสมดุลระหว่างแรงซื้อขายและแรงขายในตลาดเพื่อช่วยในการตัดสินใจการซื้อขายและการทำนายทิศทางของราคาในอนาคต.
เครื่องมือ BoP เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์แรงซื้อขายของนักเทรดฝั่งซื้อที่มุ่งหวังทำกำไรและแรงขายของนักเทรดฝั่งขายชอร์ต (Short sell) ในตลาดทางการเงิน คือ นักลงทุนที่ขายหรือยืมหุ้นในการพยายามทำกำไรจากการลงทุนที่ราคาหุ้นลดลง โดย BoP จะช่วยในการตรวจสอบแรงขับเคลื่อนของราคาในตลาดโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันหรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ค่าของ BoP จะมีค่าบวกเมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดและมีปริมาณการซื้อขายสูง และจะมีค่าลบเมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดและมีปริมาณการซื้อขายต่ำ
ที่มาของ Balance of Power indicator
Balance of Power (BoP) คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ถูกคิดค้นโดย Igor Livshin ในปี 2001 และได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกในนิตยาสาร “Technical Analysis of Stocks and Commodities” ในเดือนสิงหาคมของปีนั้น การสร้าง BoP มาจากความสนใจในการวิเคราะห์แรงขับเคลื่อนของตลาดและการซื้อขายในตลาดทางการเงินโดยเฉพาะการซื้อขายหุ้น โดย BoP ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยในการตรวจสอบแรงซื้อขายของนักเทรดฝั่งซื้อที่มุ่งหวังทำกำไรและแรงขายของนักเทรดฝั่งขายชอร์ต (Short sell) ในตลาดทุนและทำให้ง่ายขึ้นในการติดตามแรงซื้อขายและแรงขายในแต่ละวันหรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ดังนั้น BoP มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์แรงขับเคลื่อนราคาและมีความเน้นในการใช้ข้อมูลการซื้อขายและราคาเพื่อตรวจสอบเทรนด์และสัญญาณการซื้อขายในตลาดทางการเงิน.
สูตรการคำนวณ Balance of Power indicator
Balance of Power (BoP) indicator คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดแรงขับเคลื่อนของราคาในตลาด สูตรการคำนวณ BoP คือการหารค่าตัวชี้วัด BoP ออกมาโดยใช้สูตรต่อไปนี้:
BoP = (ราคาปิด – ราคาเปิด) / (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด)
- ราคาปิด (Close) คือ ราคาของสินทรัพย์ที่ปิดในรอบการซื้อขาย
- ราคาเปิด (Open) คือ ราคาของสินทรัพย์ที่เปิดในรอบการซื้อขาย
- ราคาสูงสุด (High) คือ ราคาสูงสุดที่สินทรัพย์ได้รับในรอบการซื้อขาย
- ราคาต่ำสุด (Low) คือ ราคาต่ำสุดที่สินทรัพย์ได้รับในรอบการซื้อขาย
หลังจากคำนวณ BoP ค่าที่ได้จะอยู่ในช่วงระหว่าง -1 ถึง +1 โดยมีการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในการตีความผลลัพธ์ดังนี้:
- ถ้า BoP มีค่าบวก (บวกเข้าสู่ +1) แสดงถึงแรงซื้อขายที่เข้มแรงขึ้นโดยราคาปิดมากกว่าราคาเปิดและอยู่ใกล้ราคาสูงสุดของช่วงเวลา
- ถ้า BoP มีค่าลบ (ลบลงสู่ -1) แสดงถึงแรงขายที่เข้มแรงขึ้นโดยราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดและอยู่ใกล้ราคาต่ำสุดของช่วงเวลา
- ถ้า BoP มีค่าเข้าสู่ช่วงระหว่าง -0.5 ถึง +0.5 แสดงถึงความสมดุลระหว่างแรงซื้อขายและแรงขายในช่วงเวลานั้น ไม่มีแรงขับเคลื่อนที่ชัดเจนในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- BoP ≈ 0: แสดงถึงความสมดุลระหว่างแรงซื้อขายและแรงขายในช่วงเวลานั้น
BoP สามารถใช้ในการวิเคราะห์เทรนด์ การเปรียบเทียบแรงขับเคลื่อนราคาระหว่างช่วงเวลา และการตรวจสอบสัญญาณการซื้อขาย โดยทั่วไป BoP ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดทางการเงินเพื่อช่วยในการตัดสินใจการลงทุนหรือการซื้อขายในตลาดและมีประโยชน์ในการตรวจสอบแรงซื้อขายและแรงขายในตลาดทุนในระยะสั้นและระยะยาว
การวิเคราะห์ Balance of Power indicator ใช้งานใน Forex
การใช้ Balance of Power (BoP) indicator ในการวิเคราะห์ตลาด Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา) สามารถช่วยในการตรวจสอบแรงขับเคลื่อนราคาและสร้างสัญญาณการซื้อขายได้ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณต้องการตรวจสอบความสมดุลระหว่างแรงซื้อขายและแรงขายในตลาด Forex. นี่คือขั้นตอนการใช้ BoP indicator ในการวิเคราะห์ Forex:
- ดาวน์โหลดหรือเปิดกราฟ Forex ของคู่สกุลเงินที่คุณสนใจ.
- เพิ่ม BoP indicator ลงในกราฟ Forex ของคุณ โดยส่วนใหญ่ BoP indicator สามารถพบได้ในส่วนของ “เครื่องมือ” หรือ “ตัวชี้วัด” ของโปรแกรมชาร์ตของคุณ (เช่น MetaTrader).
- เมื่อ BoP indicator ถูกเพิ่มเข้าไปในกราฟ Forex ของคุณ คุณจะเห็นขีดเส้นหรือกราฟที่แสดงค่า BoP ในแต่ละช่วงเวลาที่คุณเลือก (เช่น 15 นาที, 1 ชั่วโมง, 1 วัน, เป็นต้น).
- ใช้ BoP indicator เพื่อวิเคราะห์ตลาด Forex ดังนี้:
- ค่า BoP บวก (บวกเข้าสู่ +1): แสดงแรงซื้อขายที่เข้มแรงขึ้น และมีโอกาสที่ราคาจะขึ้น
- ค่า BoP ลบ (ลบลงสู่ -1): แสดงแรงขายที่เข้มแรงขึ้น และมีโอกาสที่ราคาจะลง
- ค่า BoP ใกล้เคียง 0: แสดงถึงความสมดุลระหว่างแรงซื้อขายและแรงขาย
- คุณสามารถใช้ BoP indicator ร่วมกับการวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์เทรนด์, การใช้ระดับราคาสนับสนุนและความต้านทาน, หรือการวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ เพื่อทำการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด Forex อย่างมีข้อมูลมากที่สุดและแม่นยำที่สุด.
วิธีการเปิดออเดอร์ Buy หรือ Sell ใน Balance of Power
การเปิดออร์เดอร์ Buy หรือ Sell ในการใช้ Balance of Power (BoP) ร่วมกับการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน (candlestick) และตัวชี้วัดอื่น ๆ สามารถทำได้ดังนี้:
- เริ่มต้นด้วยการเลือกกรอบเวลา (Timeframe) ที่คุณต้องการเทรด เช่น M1 (1 นาที), M5 (5 นาที), M15 (15 นาที), H1 (1 ชั่วโมง), หรือ H4 (4 ชั่วโมง) โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเทรดของคุณ.
- ใช้ BoP indicator บนกราฟของคุณในกรอบเวลาที่คุณเลือก เมื่อ BoP indicator ถูกเพิ่มเข้าไปในกราฟ คุณจะเห็นขีดเส้นหรือกราฟที่แสดงค่า BoP ในแต่ละแท่งเทียนของกราฟ.
- เพิ่มอินดิเคเตอร์ Trend Indicator อีกสองตัวลงในกราฟของคุณเพื่อช่วยในการระบุเทรนด์ของตลาด. อินดิเคเตอร์เหล่านี้อาจเป็น Moving Averages, Bollinger Bands, หรืออื่น ๆ ที่คุณชื่นชอบและถูกต้องสำหรับกลยุทธ์ของคุณ.
- ดูการแข่งขันระหว่าง BoP indicator และ Trend Indicator ในกราฟของคุณ:
- เมื่อ BoP แสดงสัญญาณ Buy (ตัวชี้วัด BoP บวก) และ Trend Indicator แสดงสัญญาณในทิศทางของการซื้อขาย (ตามเทรนด์ขาขึ้น), นี่อาจเป็นสัญญาณ Buy.
- เมื่อ BoP แสดงสัญญาณ Sell (ตัวชี้วัด BoP ลบ) และ Trend Indicator แสดงสัญญาณในทิศทางของการขาย (ตามเทรนด์ขาลง), นี่อาจเป็นสัญญาณ Sell.
- การบริหารเงิน (Money Management) มีความสำคัญอย่างมากในการเทรด binary options. คุณควรกำหนดขนาดการซื้อขาย (trade size) และระยะเวลาการถือสัญญา (expiry time) ที่เหมาะสมกับแผนการเทรดและความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับ.
ข้อจำกัดในการใช้อินดิเคเตอร์ Balance of Power
การใช้อินดิเคเตอร์ Balance of Power (BoP) มีข้อจำกัดที่เทรดเดอร์ควรระมัดระวังดังนี้:
- ไม่มีการการันตีความสำเร็จ: BoP สามารถให้สัญญาณการเทรดได้ แต่ไม่มีการการันตีว่าการเทรดจะประสบความสำเร็จทุกครั้ง ตลาดทางการเงินมีความซับซ้อนและมีปัจจัยมากมายที่สามารถส่งผลต่อราคา การวิเคราะห์เพิ่มเติมและการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ.
- ไม่สามารถระบุเทรนด์อย่างแน่นอน: BoP อาจไม่สามารถช่วยระบุเทรนด์ในตลาดอย่างแน่นอนเสมอไป เนื่องจากมีความแปลกปลอมและการเปลี่ยนแปลงของราคาอยู่ตลอดเวลา การใช้ BoP ควรร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเทรนด์ตลาด.
- ความแม่นยำของสัญญาณ: BoP อาจส่งสัญญาณการซื้อขายแบบ Bullish หรือ Bearish divergence ในบางกรณี แต่ตลาดมีลักษณะการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และสัญญาณบางครั้งอาจกลับตัวหลังจากส่งสัญญาณ divergence ที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ.
- ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่น ๆ: BoP เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือในกล่องเครื่องมือของเทรดเดอร์ ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ เช่น เทคนิคการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน (candlestick), การวิเคราะห์เทรนด์, และระดับราคาสนับสนุนและความต้านทาน เพื่อเพิ่มความเข้าใจและความแม่นยำในการตัดสินใจการเทรด.