William Percent Range คืออะไร วิธีวิเคราะห์

William Percent Range คืออะไร

William’s Percent Range (WPR หรือ %R) คือ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ถูกสร้างขึ้นโดย Larry Williams ซึ่งเป็นนักเทรดฟอเร็กซ์อเมริกัน ตัวบ่งชี้นี้ถูกออกแบบมาเพื่อวัดระดับการซื้อขายแบบ overbought และการซื้อขายแบบ oversold โดยจะมีค่าวัดระหว่าง -100 ถึง 0.ถ้า WPR มีค่าประมาณ -20 หรือสูงกว่า มันถือว่าตลาดถูกซื้อขายแบบ  overbought ซึ่งหมายความว่าราคาอาจจะกลับลงได้ในอนาคต ในทางกลับกัน ถ้า WPR มีค่าประมาณ -80 หรือต่ำกว่า มันถือว่าตลาดถูกซื้อขายแบบ oversold และราคาอาจจะมีแนวโน้มในการกลับขึ้น.

William Percent Range คืออะไร ที่มาสูตรการคำนวณและวิธีวิเคราะห์ William Percent Range
William Percent Range คืออะไร ที่มาสูตรการคำนวณและวิธีวิเคราะห์ William Percent Range

นักเทรดหลายคนจะใช้ตัวบ่งชี้นี้เพื่อช่วยตัดสินใจในการซื้อหรือขาย ในการออกแบบสัญญาณทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในความคิดเห็นของ Larry Williams ตัวบ่งชี้นี้ยังสามารถช่วยพยากรณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาดในภายหน้าได้ด้วย William’s Percent Range เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในกลุ่ม Oscillator ที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ใช้เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทุน ความเข้าใจในการอ่านและใช้งาน Williams %R จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการลงทุนในตลาดทุน. แต่ควรระมัดระวังว่าตัวบ่งชี้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์เท่านั้นและไม่สามารถทำนายราคาอย่างแน่นอนได้.

ความเป็นมาของ William’s Percent Range

William’s Percent Range (Williams %R) เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ถูกสร้างขึ้นโดย Larry Williams ซึ่งเป็นนักเทรดและนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในวงการทุนหลักทรัพย์ ตัวบ่งชี้นี้ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาดทุนเพื่อช่วยในการตัดสินใจและการจัดการความเสี่ยง.ดัชนี William’s Percent Range ถูกแนะนำเป็นครั้งแรกในหนังสือ “How I Made One Million Dollars Last Year Trading Commodities” ซึ่งเป็นหนังสือที่ Larry Williams เขียนขึ้นและเผยแพร่ในปี 1979. ตัวบ่งชี้นี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการจัดการความเสี่ยงในการเทรดสินทรัพย์ในตลาดสินค้าและมีการใช้งานกว้างขวางในหลายตลาดทุนอื่น ๆ รวมถึงตลาดหุ้น.

ความเป็นมาของ William’s Percent Range
ความเป็นมาของ William’s Percent Range

นอกจากนี้ Larry Williams ยังเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเทรดและการลงทุน รวมถึงหนังสือเช่น “How I Made One Million Dollars Last Year Trading Commodities,” “Long-Term Secrets to Short-Term Trading,” และ “The Definitive Guide to Futures Trading” ซึ่งได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในวงการลงทุนและการเทรด.เขามีความสามารถในการสร้างตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ปรับให้เหมาะสมกับการลงทุนและการเทรดของเขา ทำให้เขาสามารถปรับแต่งและทำให้เข้ากับรูปแบบการเทรดของตนเองได้ ซึ่งได้รวมถึง Williams %R หรือ Williams Percent Range ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่มีความนิยมและกำลังใช้งานในวงการทุนอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน.

สูตรการคำนวณ Williams Percent Range

Williams Percent Range (Williams %R) ถูกคำนวณโดยใช้สูตรง่ายต่อไปนี้:

สูตรการคำนวณ Williams Percent Range
สูตรการคำนวณ Williams Percent Range

Williams %R = (H – C) / (H – L) * -100

โดยที่:

  • H คือ ราคาสูงสุดในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
  • C คือ ราคาปิดปัจจุบัน
  • L คือ ราคาต่ำสุดในช่วงระยะเวลาที่กำหนด

สูตรนี้จะให้ค่า Williams %R อยู่ในช่วงค่าระหว่าง -100 ถึง 0.

เมื่อค่า Williams %R อยู่ในช่วง -80 ถึง -100 แสดงถึงสถานการณ์ที่มากเกินไปและตลาดอาจอยู่ในสถานการณ์การซื้อขายแบบทิ้ง (oversold) ซึ่งอาจจะแสดงบัญชีว่าราคาอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ในทางกลับกัน เมื่อค่า Williams %R อยู่ในช่วง 0 ถึง -20 แสดงถึงสถานการณ์ที่มากเกินไปและตลาดอาจอยู่ในสถานการณ์การซื้อขายแบบลิ่ม (overbought) ซึ่งอาจจะแสดงบัญชีว่าราคาอาจจะลดลงในอนาคต.

วิธีวิเคราะห์ Williams Percent Range

การวิเคราะห์ Williams Percent Range (Williams %R) เป็นกระบวนการที่ช่วยในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทุนโดยใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคนี้เป็นเครื่องมือ ดังนั้น, ควรรวมการวิเคราะห์ Williams %R กับข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลการตัดสินใจที่ถูกต้องมากขึ้น. นี่คือขั้นตอนวิธีวิเคราะห์ Williams %R:

วิธีวิเคราะห์ Williams Percent Range
วิธีวิเคราะห์ Williams Percent Range
  1. กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม: Williams %R มักถูกคำนวณในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปใช้ช่วงระยะเวลา 14 วัน เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มในระยะสั้น ๆ แต่คุณสามารถปรับเปลี่ยนระยะเวลาตามความต้องการของคุณ.
  2. อ่านค่า Williams %R: ค่า Williams %R อยู่ในช่วงระหว่าง -100 ถึง 0. เมื่อค่าอยู่ในช่วง -80 ถึง -100 บ่งชี้ว่าตลาดอาจอยู่ในสถานการณ์การซื้อขายแบบทิ้ง (oversold) และราคาอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต. ในทางกลับกัน เมื่อค่าอยู่ในช่วง 0 ถึง -20 บ่งชี้ว่าตลาดอาจอยู่ในสถานการณ์การซื้อขายแบบลิ่ม (overbought) และราคาอาจจะลดลงในอนาคต.
  3. ใช้การวิเคราะห์เทคนิคอื่น: Williams %R ควรถูกใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ เพื่อสร้างเส้นทางการตัดสินใจที่เป็นมาตรฐาน. ตัวบ่งชี้อื่น ๆ เช่นเส้นเทรนด์ (trend lines), การวิเคราะห์แบบเทรนด์ (trend analysis), และสัญญาณการซื้อขายอื่น ๆ อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น.
  4. การจัดการความเสี่ยง: ไม่ว่าค่า Williams %R จะแสดงสถานการณ์อย่างไร ควรมีการจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายอย่างรอบคอบ การใช้การสั้นสั้น (stop-loss) และการกำหนดเป้าหมายกำไร (take-profit) เป็นส่วนสำคัญในการลงทุน.
  5. ติดตามผลและปรับแผนการลงทุน: หลังจากการซื้อขายขั้นแรกด้วย Williams %R, ควรติดตามผลและปรับแผนการลงทุนตามสถานการณ์ตลาด เพื่อให้สามารถปรับการดำเนินการตามความเหมาะสมและความเสี่ยงในการลงทุน.

การตั้งค่า Williams Percent Range ใน MT4

การตั้งค่า Williams Percent Range (Williams %R) ในแพลตฟอร์มการซื้อขาย MetaTrader 4 (MT4) มีขั้นตอนเพิ่มเติมที่ละเอียดมากกว่าดังนี้:

Williams Percent Range ใน MT4
Williams Percent Range ใน MT4
  1. เปิดแพลตฟอร์ม MT4: เริ่มต้นโดยการเปิดแพลตฟอร์มการซื้อขาย MetaTrader 4 บนคอมพิวเตอร์ของคุณ.
  2. เลือกกราฟ: เลือกคู่สกุลเงินหรืออินสตรูเมนต์ที่คุณต้องการที่จะใช้ตัวบ่งชี้ Williams %R บน. คุณสามารถทำเช่นนี้โดยการคลิกคู่สกุลเงินหรืออินสตรูเมนต์ที่คุณต้องการในหน้าต่าง “Market Watch” แล้วลากและวางลงในหน้าต่างกราฟ.
  3. เปิดหน้าต่าง “Navigator”: หากหน้าต่าง “Navigator” ไม่ปรากฏอยู่ด้านซ้ายของแพลตฟอร์ม MT4, คุณสามารถเปิดได้โดยใช้ปุ่ม Ctrl + N บนคีย์บอร์ดหรือไปที่เมนู “View” แล้วคลิกที่ “Navigator.”
  4. เลือก “Indicators”: ในหน้าต่าง “Navigator,” คลิกที่เครื่องหมายบวก (+) ที่อยู่ข้างหน้า “Indicators” เพื่อขยายรายการตัวบ่งชี้ทางเทคนิค.
  5. เลือก Williams %R: เมื่อคุณคลิกที่ “Indicators,” คุณจะเห็นรายการตัวบ่งชี้ทางเทคนิคทั้งหมด. ในรายการ “Indicators,” คลิกที่ “Oscillators” เพื่อดูตัวบ่งชี้ Oscillator ทั้งหมด แล้วเลือก “Williams %R.”
  6. เปิดหน้าต่างการตั้งค่า: เมื่อคุณเลือก Williams %R, คลิกที่ปุ่ม “Add” เพื่อเพิ่มตัวบ่งชี้ลงในกราฟ. หน้าต่าง “Williams %R Properties” จะปรากฏขึ้น.
  7. ตั้งค่า Williams %R: ในหน้าต่าง “Williams %R Properties,” คุณสามารถตั้งค่าตัวบ่งชี้ตามความต้องการของคุณ ปรับแต่งได้ทั้งระยะเวลา (Period), สีเส้น, และอื่น ๆ ตามความต้องการ. ในส่วน “Common,” คุณสามารถเลือกแสดงบ่งชี้ในหน้าต่างหรือแถบด้านล่างของกราฟ.
  8. กด “OK”: หลังจากที่คุณตั้งค่า Williams %R ตามที่คุณต้องการ, คลิกที่ “OK” เพื่อยืนยันการเพิ่มตัวบ่งชี้ลงในกราฟ.

Williams %R จะแสดงบนกราฟของคุณตามการตั้งค่าที่คุณได้ทำ. คุณสามารถใช้ตัวบ่งชี้นี้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจการซื้อขายในตลาดตามสถานการณ์ที่แสดงบนกราฟของคุณ. หากคุณต้องการปรับเปลี่ยนการตั้งค่าในภายหลัง, คุณสามารถทำได้โดยการดับเบิลคลิกที่ตัวบ่งชี้ในกราฟและคลิกที่ “Properties.”

ข้อดีและข้อเสียของ Williams %R:

ข้อดีของ Williams %R:

  • ระบบการซื้อขายอย่างง่าย: การใช้ตัวบ่งชี้ Williams %R ช่วยให้ง่ายต่อการระบุสภาวะการซื้อขายเกิน (overbought) และการขายเกิน (oversold) ในราคาของเครื่องมือทางการเงิน สิ่งนี้ช่วยในการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีเสถียรภาพ.
  • การแจ้งเตือนสัญญาณเป็นการแจ้งเตือน: การตั้งค่าค่า Williams %R เป็นวิธีการอีกทางเพื่อระบุการแจ้งเตือนเมื่อเกิดสัญญาณการซื้อขายที่สำคัญ เมื่อมีการรวมการแจ้งเตือนลงในระบบการซื้อขายของคุณ คุณจะไม่พลาดสัญญาณสำคัญ.
  • เครื่องมือแนวโน้มที่ทรงพลัง: Williams %R สามารถช่วยในการระบุแนวโน้มที่ทรงพลังที่เริ่มต้นหรือสิ้นสุด แนวโน้มในระยะสั้น ๆ นี้อาจเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจการซื้อขาย.
  • ความเข้าใจง่าย: การใช้งาน Williams %R ที่แสดงค่าระหว่าง -100 ถึง 0 ไม่ซับซ้อนมาก และคุณสามารถทำนายสถานการณ์การซื้อขายโดยใช้ค่าติดลบได้โดยง่าย.
  • ความสามารถในการปรับใช้: คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของ Williams %R ให้เหมาะสมกับรูปแบบการซื้อขายและการวิเคราะห์ของคุณ.

ข้อเสียของ Williams %R:

  • ค่าเล็กน้อยของดัชนี: Williams %R มีข้อมูลที่จำกัดเมื่อใช้แยก เนื่องจากมีการแสดงค่าแบบติดลบโดยมาตราส่วนจาก -100 ถึง 0 ทำให้มีค่าที่ไม่ค่อยแปลกใจเมื่อราคาปัจจุบันสูงหรือต่ำ.
  • รายการติดลบที่สับสน: ผู้ที่ไม่เคยเห็นค่าลบบนดัชนีอาจรู้สึกสับสนเกี่ยวกับข้อความที่มีค่าที่แตกต่างจากบวกและรู้สึกไม่สบายใจเมื่อมีค่าลบบน Williams %R.
  • การระบุสัญญาณที่บอกถึงการเปลี่ยนแปลง: ตัวบ่งชี้ Williams %R สามารถให้สัญญาณที่บอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาดได้ช้ากว่าบางครั้ง ซึ่งอาจทำให้ล่าช้าในการตัดสินใจการซื้อขาย.
  • การใช้ค่าติดลบ: การรับรู้ค่าติดลบและการจัดการกับจำนวนเต็มลบอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ.
  • ไม่มีการทำนายราคาอย่างแน่นอน: ตัวบ่งชี้ Williams %R เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยในการตัดสินใจการซื้อขายแต่ไม่สามารถทำนายราคาอย่างแน่นอนได้. การตัดสินใจการซื้อขายยังคงเป็นปัจจัยมากที่เกี่ยวข้องกับความรู้และประสบการณ์ของนักลงทุน.