Kicking คืออะไร
รูปแบบของ Kicking (Kicking Candlestick Pattern) คือรูปแบบของกราฟแท่งเทียน (candlestick pattern) ที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟหุ้นหรือตลาดทรัพย์เพื่อการตัดสินใจในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ แท่งเทียนชุด Kicking ประกอบด้วยสองแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน และมักถูกใช้ในการจับความเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มของตลาดในระยะเวลาสั้นๆ แท่งเทียนแรกในรูปแบบ Kicking จะเป็นแท่งเทียนสีขาวและมีลักษณะเปิดที่ราคาต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้านี้ ในทางตรงข้ามกัน แท่งเทียนที่สองในรูปแบบ Kicking จะเป็นแท่งเทียนสีดำและมีลักษณะเปิดที่ราคาสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้านี้
ความหมายของรูปแบบ Kicking คือการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่แท่งเทียนสีขาวแสดงถึงการขึ้นของราคาและแท่งเทียนสีดำแสดงถึงการลงของราคาโดยมีแท่งเทียนสองแท่งที่ไม่มีความเชื่อมโยงกันในเชิงทิศทาง และสองแท่งเทียนเหล่านี้มักถูกใช้เป็นสัญญาณว่าตลาดอาจจะเปลี่ยนแนวโน้มในอนาคต แต่ต้องระมัดระวังเนื่องจากไม่มีความแน่นอนว่าแนวโน้มนี้จะเป็นตายตัวหรือไม่ การใช้รูปแบบ Kicking ควรร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่นๆ เพื่อทำให้การตัดสินใจการซื้อขายมีความถูกต้องมากขึ้น
รูปแบบกราฟแท่งเทียน Kicking
รูปแบบกราฟแท่งเทียน Kicking คือรูปแบบที่ประกอบด้วยแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สองที่มีลักษณะเป็นขนาดใหญ่และเกิดขึ้นในเป็นแนวโน้มตรงข้ามกันอย่างสมบูรณ์ รูปแบบนี้มักถูกใช้ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนเพื่อระบุการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด นี่คือลักษณะของรูปแบบ Kicking:
- แท่งเทียนแรก:
- แท่งเทียนแรกมีลักษณะเป็นแท่งเทียนใหญ่ (ขนาดใหญ่) และมีแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) หรือขาลง (Bearish) โดยขึ้นอยู่กับแนวโน้มก่อนหน้า.
- แท่งเทียนแรกสามารถเปิดที่ราคาใดก็ได้ และอยู่ในแนวโน้มของตลาดก่อนหน้า.
- แท่งเทียนที่สอง:
- แท่งเทียนที่สองมีลักษณะเป็นแท่งเทียนใหญ่ (ขนาดใหญ่) และมีแนวโน้มตรงข้ามกับแท่งเทียนแรก (Bearish ถ้าแท่งเทียนแรกเป็น Bullish และ กลับกัน).
- แท่งเทียนที่สองเปิดที่ราคาที่ต่างจากแท่งเทียนแรก และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดกำลังเปลี่ยนแนวโน้ม.
Kicking Candlestick Pattern มักถูกใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาดโดยอย่างรวดเร็ว และมักถูกดูเป็นสัญญาณสำคัญในการตัดสินใจการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม การใช้รูปแบบนี้ควรร่วมกับการวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น ระดับการสนับสนุนและความต้านทาน และตัวชี้วัดเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเสมอภาพรวมของตลาดและลดความเสี่ยงในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทุน
การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน Kicking
การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน Kicking เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์เทคนิคในการซื้อขายหลักทรัพย์และตลาดทรัพย์ รูปแบบ Kicking ทำให้เราสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดโดยอิงตามแท่งเทียนสีขาวและสีดำที่ปรากฏในแท่งเทียนสองแท่งติดกัน ดังนี้คือขั้นตอนการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน Kicking
- ตรวจสอบแท่งเทียน: การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนแบบ Kicking Candlestick Pattern มุ่งเน้นการหาสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด โดยใช้แท่งเทียนเพื่อช่วยในการตัดสินใจการซื้อหรือขายในตลาดทุน. รูปแบบนี้ประกอบด้วยสองแท่งเทียนที่เกี่ยวข้องกัน คือแท่งเทียนแรก (Kicking Candle) และแท่งเทียนที่สอง (Kicking Gap).นี่คือขั้นตอนการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนแบบ Kicking:
- แท่งเทียนแรก (Kicking Candle):
- เริ่มจากการตรวจสอบแท่งเทียนแรก ซึ่งเป็นแท่งเทียนที่แสดงแนวโน้มก่อนหน้า.
- แท่งเทียนแรกมักจะเป็นแท่งเทียนแบบกระโดดที่มีแนวโน้มเดิม (ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง).
- แท่งเทียนแรกนั้นจะเปิดที่ราคาเฉียงขึ้นหรือเฉียงลง (ไม่ต้องเปิดในราคาเท่ากันกับแท่งเทียนก่อนหน้า).
- สำคัญที่สุดคือแท่งเทียนแรกจะต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอเท่ากับหรือใหญ่กว่าแท่งเทียนก่อนหน้า.
- แท่งเทียนที่สอง (Kicking Gap):
- แท่งเทียนที่สองมักจะเป็นแท่งเทียนแบบกระโดดและมีแนวโน้มตรงข้ามกับแท่งเทียนแรก.
- แท่งเทียนที่สองจะเปิดที่ราคาที่เท่ากันกับแท่งเทียนแรก (ไม่มีระดับราคาซ้อนทับกัน).
- แท่งเทียนที่สองส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่าแท่งเทียนแรก.
การวิเคราะห์ Kicking Candlestick Pattern ต้องรู้ว่ารูปแบบนี้เป็นสัญญาณที่มีความสำคัญเมื่อมีการยืนยันอย่างชัดเจน คือ:
- ในกรณีของ Bullish Kicking Candlestick Pattern (เป็นกราฟแท่งเทียนเชิงบวก), ราคามักจะขึ้นตามหลังและเป็นสัญญาณการซื้อ.
- ในกรณีของ Bearish Kicking Candlestick Pattern (เป็นกราฟแท่งเทียนเชิงลบ), ราคามักจะลงตามหลังและเป็นสัญญาณการขาย.
แต่ควรระมัดระวังในการใช้สัญญาณนี้เพราะอาจมีความสับสนกับแนวโน้มเดิมของตลาดหรืออุปสรรคอื่นที่อาจส่งผลให้การตัดสินใจการซื้อขายไม่ถูกต้อง การร่วมใช้ข้อมูลอื่น ๆ และการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการทำการซื้อขายในตลาดทุนอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- แท่งเทียนแรก (Kicking Candle):
- การวิเคราะห์ราคาและเทรนด์:
- หลังจากตรวจสอบแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง ควรสังเกตุเทรนด์ทั่วไปของตลาดในระยะเวลายาวขึ้นเพื่อดูว่ารูปแบบ Kicking เป็นสัญญาณยืนยันหรือไม่.
- ควรสังเกตุว่าราคาหลักทรัพย์มีแนวโน้มขึ้นหรือลงในระยะเวลายาวเท่าที่แท่งเทียน Kicking แสดงในระยะเวลาสั้นๆ การเปรียบเทียบกับแนวโน้มราคายาวเท่าที่ระบบข้อมูลให้มีได้จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์แนวโน้มราคาอย่างถูกต้องมากขึ้น.
- การกำหนดระดับ Stop-loss และ Take-profit:
- เพื่อความปลอดภัยในการซื้อขาย ควรกำหนดระดับ Stop-loss เพื่อระบุราคาที่ถ้าตลาดเคลื่อนที่ตรงข้ามกับที่คาดหวัง จะทำให้ท่านออกจากตลาดเพื่อลดความเสี่ยง.
- ในระดับ Take-profit ควรกำหนดราคาที่ถ้าตลาดเคลื่อนที่ในทิศทางที่ดีตามที่คาดหวัง จะทำให้ท่านนำกำไรเข้ากระเป๋า.
Kicking ช่วยบอกอะไร
รูปแบบกราฟแท่งเทียน Kicking ช่วยในการวิเคราะห์และตีความตามสญาณที่ปรากฏบนตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดทรัพย์ดังนี้:
- การเปลี่ยนแปลงในตลาด: Kicking เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ช่วยตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในตลาด โดยแท่งเทียนแรกมีลักษณะเปิดที่ราคาต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้านี้ แสดงถึงการขึ้นของราคาหลักทรัพย์ ในขณะที่แท่งเทียนที่สองมีลักษณะเปิดที่ราคาสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก แสดงถึงการลงของราคาหลักทรัพย์ นั่นหมายความว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของราคาในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น.
- สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม: Kicking สามารถให้สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากไม่ใช่สัญญาณที่มั่นคง สำหรับตัวอย่างนี้ ถ้า Kicking ปรากฏในตลาดลดลงและตามมาด้วยการเปลี่ยนแนวโน้มในทิศทางขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังเปลี่ยนแนวโน้มไปสู่การขาขึ้น แต่ในบางกรณีก็อาจไม่เกิดเปลี่ยนแนวโน้มอย่างถาวร ดังนั้นควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ.
- ความสอดคล้องระหว่างแท่งเทียน: แท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สองในรูปแบบ Kicking ไม่มีความสัมพันธ์กันในเชิงทิศทาง ซึ่งหมายความว่าเคลื่อนไหวของแท่งเทียนทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เราไม่สามารถคาดการณ์ว่าแท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนสีขาวหรือสีดำตามแท่งเทียนแรก สิ่งนี้อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาด.
- การตัดสินใจการซื้อขาย: รูปแบบ Kicking สามารถใช้ในการตัดสินใจการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ แต่ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่น เช่น การวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ และแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจการซื้อขาย.
- การจัดการความเสี่ยง: ในการใช้ Kicking เพื่อตัดสินใจการซื้อขาย ควรกำหนดระดับ Stop-loss เพื่อระบุราคาที่คาดหวังที่ต้องขาดทุนและระดับ Take-profit เพื่อกำหนดราคาที่คาดหวังที่จะทำกำไร นี้จะช่วยในการจัดการความเสี่ยงและการบริหารการเงินในการซื้อขาย.
ข้อดีและข้อเสียของ Kicking
รูปแบบกราฟแท่งเทียน Kicking มีข้อดีและข้อเสียต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้ในการวิเคราะห์ตลาดหรือตัดสินใจการซื้อขาย:
ข้อดีของ Kicking:
- สัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม: Kicking ช่วยในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในตลาดอย่างรวดเร็ว โดยแท่งเทียนแรกแสดงถึงการขึ้นของราคาและแท่งเทียนที่สองแสดงถึงการลงของราคา นี่อาจช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแนวโน้ม.
- ความชัดเจน: รูปแบบ Kicking มีลักษณะที่ชัดเจนและไม่มีความสัมพันธ์กันในเชิงทิศทางระหว่างแท่งเทียนสองแท่ง ทำให้สามารถรับรู้สัญญาณได้ง่าย.
- จัดการความเสี่ยง: การใช้ Kicking สามารถช่วยในการกำหนดระดับ Stop-loss และ Take-profit ในการจัดการความเสี่ยงของการซื้อขาย.
ข้อเสียของ Kicking:
- สัญญาณเทียนเดี่ยว: Kicking เป็นรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่ใช้แค่แท่งเทียนสองแท่งเท่านั้น และไม่มีสัญญาณเทียนอื่นๆ ที่สนับสนุน อาจทำให้ไม่เพียงพอในการตรวจสอบแนวโน้ม.
- ความคลาดเคลื่อน: อย่างไรก็ตาม, รูปแบบ Kicking อาจมีความคลาดเคลื่อน และไม่ให้สัญญาณที่แน่นอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแนวโน้ม การวิเคราะห์ต้องระมัดระวังและไม่พึงเสนอให้ใช้เป็นสัญญาณเดียว.
- การใช้งานควรร่วมกับเทคนิคอื่น: รูปแบบ Kicking ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่นเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงและความเสถียรในการตัดสินใจการซื้อขาย.
- ข้อมูลในระยะเวลาสั้น: Kicking เป็นรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาสั้นๆ และอาจไม่เหมาะกับการวิเคราะห์ระยะยาวหรือการลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนในระยะยาว.
รูปแบบกราฟแท่งเทียนอื่นที่คล้ายกับ Kicking
รูปแบบกราฟแท่งเทียนอื่นที่มีความคล้ายคลึงกับ Kicking และใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ครอบคลุมแนวโน้มขึ้นและแนวโน้มลงดังนี้:
- Engulfing Pattern : รูปแบบ Engulfing ประกอบด้วยสองแท่งเทียน แท่งเทียนที่สอง (แท่งที่เรียกว่า “engulfing candle”) จะกินแท่งเทียนที่หนึ่ง (แท่งที่เรียกว่า “prior candle”) ในทางทิศตรงข้าม ถ้าแท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียนสีขาวและแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนสีดำ แสดงถึงแนวโน้มขึ้น และถ้าแท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียนสีดำและแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว แสดงถึงแนวโน้มลง.
- Harami Pattern: รูปแบบ Harami เป็นการกลับรูปแบบที่มีสองแท่งเทียน แท่งเทียนที่สองจะอยู่ภายในแท่งเทียนที่หนึ่ง ถ้าแท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียนสีดำและแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว แสดงถึงแนวโน้มขึ้น และถ้าแท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียนสีขาวและแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนสีดำ แสดงถึงแนวโน้มลง.
- Piercing Pattern : รูปแบบ Piercing เป็นการกลับรูปแบบที่มีสองแท่งเทียน แท่งเทียนที่สองเปิดที่ราคาต่ำกว่าและปิดที่ราคาสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก แสดงถึงแนวโน้มขึ้น.
- Dark Cloud Cover : รูปแบบ Dark Cloud Cover เป็นการกลับรูปแบบที่มีสองแท่งเทียน แท่งเทียนที่สองเปิดที่ราคาสูงกว่าและปิดที่ราคาต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก แสดงถึงแนวโน้มลง.
- Morning Star: รูปแบบ Morning Star เป็นรูปแบบที่มีสามแท่งเทียน แท่งเทียนที่หนึ่งเป็นแท่งเทียนสีดำ (ตัวแทนแนวโน้มลง) แท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนที่เรียกว่า “doji” ที่แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด และแท่งเทียนที่สามเป็นแท่งเทียนสีขาว (ตัวแทนแนวโน้มขึ้น) แนวโน้มราคามักเปลี่ยนจากลงเป็นขึ้นหลังจากรูปแบบนี้.
- Evening Star : รูปแบบ Evening Star เป็นการกลับรูปแบบที่มีสามแท่งเทียน แท่งเทียนที่หนึ่งเป็นแท่งเทียนสีขาว (ตัวแทนแนวโน้มขึ้น) แท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนที่เรียกว่า “doji” ที่แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด และแท่งเทียนที่สามเป็นแท่งเทียนสีดำ (ตัวแทนแนวโน้มลง) แนวโน้มราคามักเปลี่ยนจากขึ้นเป็นลงหลังจากรูปแบบนี้.