Price Gap คืออะไร
“Price Gap” หรือ “ช่องว่างราคา” ในราคาหุ้นหรือตราสารทางการเงินอื่น ๆ เป็นสถานะที่เกิดขึ้นเมื่อมีราคาของหุ้นหรือตราสารทางการเงินที่ปิดตลาดในวันหนึ่ง แล้วเปิดตลาดในวันถัดไปที่ราคาที่แตกต่างอย่างชัดเจน ไม่มีการซื้อขายที่เกิดขึ้นในระหว่างราคาที่ปิดและราคาที่เปิดใหม่ ช่องว่างราคานี้สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากหลายปัจจัย รวมถึงข่าวสารที่มีผลต่อความนิยมหรือความเชื่อมั่นต่อหุ้น การประกาศผลกำไร หรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมือง
การเกิด Price Gap เกิดจากอะไรบ้าง
- ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญ: ข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในบริหารจัดการ การเข้าซื้อกิจการ การประกาศผลกำไร หรือข่าวเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อหุ้นสามารถสร้าง Gap ได้
- ความผันผวนของตลาด: ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ความต้องการซื้อหรือขายหุ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนเกิด Gap ได้
- เปิด/ปิดตลาด: Gap มักเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดปิดและก่อนที่ตลาดจะเปิดอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในช่วงนี้
- ความคาดหมายของนักลงทุน: การเปลี่ยนแปลงในความคาดหมายหรือความรู้สึกของนักลงทุนสามารถส่งผลให้เกิด Gap คือ ความนิยมหรือความเชื่อมั่นต่อหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง ส่งผลให้ราคาของหุ้นหรือตราสารทางการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- ความขาดแคลนของข้อมูล: ในบางครั้ง ข้อมูลที่เป็นเหตุให้เกิด Gap อาจจะไม่ชัดเจนหรือไม่สามารถจำแนกได้ ในกรณีนี้, Gap อาจจะถูกจำแนกเป็น “Common Gap” ที่ไม่ใช่สัญญาณของเหตุการณ์ใด ๆ ในทางเศรษฐกิจหรือการเงิน
- การดำเนินการของนักลงทุนรายใหญ่: การซื้อหรือขายจำนวนมากของหุ้นโดยนักลงทุนรายใหญ่หรือองค์กรการเงินก็สามารถเป็นเหตุให้เกิด Gap ได้
- คำแนะนำหรือการประเมินของนักวิเคราะห์: คำแนะนำหรือการประเมินจากนักวิเคราะห์ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น และอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิด Gap
- การประกาศของผลการดำเนินงาน: ผลการดำเนินงานที่ดีหรือแย่กว่าที่คาดหมายสามารถเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิด Gap
Price Gap มีกี่ประเภท
1. Common Gap (ธรรมดา)
Common Gap หรือ Gap ปกติเป็นรูปแบบของ Gap ที่มักเกิดขึ้นในตลาดที่ไม่มีเหตุผลหรือข่าวสารเฉพาะที่ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง สิ่งนี้อาจเกิดจากความผันผวนของราคาประจำวัน หรือขึ้นอยู่กับความต้องการและความพร้อมให้ของตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ การเกิด Common Gap มักจะไม่ถูกถือว่าเป็นสัญญาณที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักลงทุนที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมักจะมองข้าม Gap ประเภทนี้
2. Breakaway Gap (การหนี)
เป็นรูปแบบของ Gap ที่นักลงทุนจัดการให้เป็นสัญญาณที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบนี้มักจะเกิดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคาในระยะยาว และเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นหรือสิ้นสุดของแนวโน้มใหม่
3. Runaway Gap (การหนีต่อไป)
Runaway Gap หรือ Measuring Gap เป็น Gap ที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแนวโน้มราคาที่กำลังดำเนินอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง มันเป็นสัญญาณที่บอกว่าการเคลื่อนที่ของราคาจะยังคงดำเนินไปในทิศทางเดียวกับ Gap
4. Exhaustion Gap (การหมดกำลัง)
เกิดขึ้นที่จุดสิ้นสุดของกราฟแนวโน้ม มักจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจหรือข่าวสาร ราคามักจะกลับไปเติมเต็ม Gap ในไม่ช้า
5. Island Reversal (เกาะการกลับตัว)
เป็นรูปแบบทางเทคนิคที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคาที่มีนัยยะมาก และเป็นการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของนักลงทุนภายในช่วงเวลาที่สั้น ๆ
ตัวอย่าง Price Gap
ตัวอย่างของ Price Gap ในตลาดหุ้น
1. Breakaway Gap
บริษัท A ประกาศผลประกอบการของไตรมาสที่เหนือคาดหวังของนักวิเคราะห์มาก หุ้นของบริษัท A ปิดที่ราคา $20 ในวันศุกร์ และเมื่อตลาดเปิดในวันจันทร์ หุ้นเปิดที่ $25 โดยไม่มีการซื้อขายระหว่าง $20 ถึง $25 เป็นต้น นี่คือ Breakaway Gap ที่เกิดขึ้นเนื่องจากผลประกอบการที่ดี
2. Runaway Gap
ในขณะที่หุ้นของบริษัท B อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น มีข่าวว่าบริษัทได้คว้าสัญญาใหญ่จากรัฐบาล หุ้นที่ปิดในวันก่อนหน้าที่ $50 ขึ้นไปเปิดที่ $55 และไม่มีการซื้อขายระหว่าง $50 ถึง $55 นี่เรียกว่า Runaway Gap
3. Exhaustion Gap
หลังจากบริษัท C มีหุ้นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดข่าวว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทอาจจะไม่ผ่านการทดสอบมาตรฐาน หุ้นที่ปิดที่ $80 ในวันก่อนหน้า ตกเปิดที่ $70 ซึ่งเป็น Exhaustion Gap และอาจจะสัญญาณว่าเทรนด์ขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุด
4. Common Gap
หุ้นของบริษัท D ปิดที่ราคา $30 และเปิดในวันถัดไปที่ราคา $31 ไม่มีข่าวหรือข้อมูลที่สำคัญ หลังจากนั้นราคาหุ้นกลับไปยัง $30 ในเวลาไม่นาน นี่คือ Common Gap ที่เกิดจากความผันผวนปกติของตลาด
5. Island Reversal
บริษัท E มีหุ้นปิดที่ $40 และเปิดขึ้นที่ $45 ในวันถัดไป หลังจากนั้นมีการปิด Gap โดยราคาหุ้นตกกลับมาที่ $40 ในวันถัดไป ทำให้เกิด Island Reversal คือมี Gap ขึ้นและ Gap ลง ที่แยกส่วนของราคาออกจากส่วนอื่น ๆ
สาเหตุการเกิด Price Gap
- ข่าวและข้อมูลสำคัญ (News and Significant Information): ข่าวหรือข้อมูลที่มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ ซึ่งอาจรวมถึงรายงานผลประกอบการ การประกาศอนุญาต FDA การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษี ฯลฯ
- ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume): ความต้องการหรือความจำเป็นในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในปริมาณที่มากหรือน้อยอาจส่งผลให้เกิด Gap
- ความไม่แน่นอนของตลาด (Market Uncertainty): เหตุการณ์ที่สร้างความไม่แน่นอนในตลาด หรือเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ย หรือความผันผวนของสกุลเงิน
- ปัจจัยเศรษฐกิจแมโคร (Macroeconomic Factors): การเปลี่ยนแปลงในการเจรจาการค้า หรือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ หรือการประกาศเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ
- จิตวิทยาของนักลงทุน (Investor Psychology): ความเชื่อหรือความรู้สึกของนักลงทุน เช่น ความหวั่นไหวต่อข่าวลือหรือความคาดหวังที่เกินจริง
- การเปิดตลาดหลังวันหยุดหรือวิกเอนด์ (Market Reopening After Holidays or Weekends): ในช่วงหยุดหรือวันหยุดพิเศษ ข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญอาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อราคาเมื่อตลาดเปิดใหม่
- การดำเนินการของนักลงทุนใหญ่ (Actions of Large Investors): การซื้อขายจากนักลงทุนหรือองค์กรขนาดใหญ่สามารถมีผลกระทบที่สั่นสะเทือนต่อราคา
- การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงดัชนี (Index Adjustment or Changes): เมื่อหุ้นถูกเพิ่มหรือนำออกจากดัชนีหลัก อาจมีการซื้อขายหุ้นในปริมาณที่มากขึ้นหรือน้อยลง
- ข้อจำกัดทางเทคนิค (Technical Limitations): อาจเกิดจากข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย และการปิดราคา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิด Gap ได้
- ตลาดต่างประเทศ (Foreign Markets ): สถานการณ์หรือเหตุการณ์ในตลาดต่างประเทศที่มีผลกระทบต่อตลาดในประเทศ
ข้อดีและข้อเสียของ Price Gap
ข้อดี
-
- ตัวบ่งชี้แนวโน้ม: Price Gap อาจสะท้อนถึงแนวโน้มใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของตลาดต่อหุ้นหรือสินทรัพย์นั้น ๆ
- สร้างโอกาสลงทุน: สำหรับนักลงทุนที่สามารถตีความและเข้าใจเหตุผลของ Gap, อาจมีโอกาสลงทุนในตำแหน่งที่มีผลกำไร
- การยืนยันข้อมูลหรือข่าว: Gap อาจเป็นการยืนยันข่าวหรือข้อมูลที่เกิดขึ้นกับบริษัท และช่วยให้นักลงทุนเข้าใจภาพรวมของตลาดมากขึ้น
- การเสริมแนวรับ-แนวต้าน: Gap บางแห่งสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน ซึ่งสามารถใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ข้อเสีย
-
- เพิ่มความเสี่ยง: สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้เตรียมตัวหรือไม่รู้เรื่องข้อมูลหลัก, Gap อาจเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน
- ความไม่แน่นอน: Gap สร้างความไม่แน่นอนในตลาด ทำให้การพยากรณ์แนวโน้มยากขึ้น
- การสูญเสียโอกาส: สำหรับนักลงทุนที่หวังจะซื้อหรือขายในราคาที่คาดหวัง, Gap อาจทำให้พลาดโอกาส
- ข้อจำกัดในการวิเคราะห์: ในบางครั้ง, Gap อาจไม่ได้สะท้อนถึงข้อมูลหรือสภาพของตลาดแท้จริง แต่เป็นผลมาจากปัจจัยอื่น เช่น การซื้อขายจากนักลงทุนใหญ่
- ภาพรวมที่เบี้ยวเบน: Gap อาจทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เบี้ยวเบนเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงของบริษัท หากพิจารณาเฉพาะ Gap โดยไม่พิจารณาข้อมูลอื่น