Break out คืออะไร
Breakout ในทางหุ้นหรือตลาด Forex หมายถึงเหตุการณ์ที่ราคาของคู่เงินหรือหุ้นทะลุระดับราคาที่เรียกว่า “แนวรับ” (Support) หรือ “แนวต้าน” (Resistance) ซึ่งมักเป็นราคาที่มีความสำคัญและราคามักหยุดขึ้นหรือลงที่นั้นเป็นประจำ. เมื่อราคาทะลุระดับนี้ออกไปได้, มันเหมือนกับการฝ่าระดับราคานั้นออกไป แน่นอนและจึงเรียกว่า “Breakout” หรือ “การฝ่าวงล้อม” ซึ่งมักมีการวิเคราะห์และการตรวจสอบด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่นเทรนไลน์, Fibonacci, RSI และ Indicator อื่น ๆ เพื่อจับสัญญาณการเกิด Breakout ได้.
การเกิด Breakout มักเป็น trade setup ที่นักเทรด Forex นิยมใช้ เนื่องจากมันเป็นวิธีที่ง่ายและเข้าใจได้ง่าย การเตรียมพร้อมและรอให้ Breakout เกิดขึ้นสามารถช่วยให้นักเทรดทำกำไรได้ แต่ก็ควรระมัดระวังเนื่องจากการเกิด Breakout อาจมีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาสูงขึ้นหลังจากนั้น ดังนั้นการวางแผนการเทรดและการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อทำการเทรดตาม Breakout ในตลาด Forex.
Break out มีกี่ประเภท
แนวคิดของ Breakout มี 2 ประเภทหลักคือ Breakout ภายในแท่งเทียน (Candlestick Breakout) และ Breakout ที่แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance Breakout) โดยในแต่ละประเภทจะมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างละเอียดดังนี้:
- Breakout ภายในแท่งเทียน (Candlestick Breakout):
- ลักษณะ: Breakout ภายในแท่งเทียนเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ และถูกตรวจสอบในแท่งเทียนเดียว. นักเทรดจะมองหาสัญญาณ Breakout ในแท่งเทียนเพื่อตัดสินใจซื้อหรือขาย.
- การใช้งาน: ประเภทนี้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ซื้อขายอย่างรวดเร็ว เช่น Scalpers ที่ใช้ระยะเวลา Timeframe 1-5 นาที เพื่อตรวจสอบและทำการซื้อขายเมื่อมีสัญญาณ Breakout ในแท่งเทียน.
- การวางแผนและการจัดการความเสี่ยง: นักเทรดที่ใช้ Breakout ภายในแท่งเทียนจะต้องรีบตัดสินใจและปฏิบัติการซื้อขายอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก Breakout มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การจัดการความเสี่ยงและการวางแผนการเทรดให้มีการเข้าออกและการจัดการความเสี่ยงที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ.
- Breakout ที่แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance Breakout):
- ลักษณะ: Breakout ที่แนวรับ-แนวต้านเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุระดับราคาที่สำคัญ เช่น แนวรับและแนวต้าน การแบ่งสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม (Trend Reversal) และการไปต่อของแนวโน้ม (Trend Continuation).
- การใช้งาน:
- Breakout เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม (Trend Reversal): เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุระดับราคาสำคัญและแสดงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เช่น เมื่อเทรนด์ขาลงเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาขึ้นหรือกลับกัน นักเทรดจะใช้ Breakout แบบนี้เพื่อจับโอกาสในการซื้อขายในทิศทางที่เปลี่ยนแปลง.
- Breakout เพื่อแสดงการไปต่อของแนวโน้ม (Trend Continuation): เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุระดับราคาสำคัญและแสดงการพักตัวบนระดับนั้นก่อนที่จะไปต่อในแนวโน้มเดิม ในบางกรณีนักเทรดจะใช้ Breakout แบบนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในทิศทางเดิมของเทรนด์.
- การวางแผนและการจัดการความเสี่ยง: นักเทรดที่ใช้ Breakout ที่แนวรับ-แนวต้านจะมีเวลามากขึ้นในการวางแผนการเทรดและมีโอกาสในการทำกำไรในระยะเวลายาว การจัดการความเสี่ยงและการเลือกการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ.
วิธีการเข้าเทรดใน Break out
การเข้าเทรดใน Breakout เป็นแนวทางที่นักเทรดใช้เพื่อกำไรในตลาดการเงินเมื่อราคาของสินทรัพย์ทะลุแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ แต่ละขั้นตอนในการเข้าเทรดใน Breakout มีความสำคัญและควรถูกทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ดังนี้
- หาสัญญาณการเกิด Breakout จากการทะลุแนวรับ-แนวต้านสำคัญ:ในขั้นตอนแรกนี้ คุณควรตรวจสอบกราฟหรือแผนภาพราคาของสินทรัพย์ที่คุณสนใจ. หากคุณต้องการเข้าเทรดใน Breakout, คุณจะต้องระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญบนกราฟของคุณ.แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่ราคามักจะหันกลับขึ้นหลังจากเคลื่อนลง, ในขณะที่แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่ราคามักจะหันกลับลงหลังจากเคลื่อนขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจนและเข้าสู่พื้นที่ใหม่, สัญญาณ Breakout จะเกิดขึ้น คุณจะต้องรอราคายืนยัน Breakout โดยการราคาปิดอยู่ในพื้นที่ใหม่นี้.
- ทำการทดสอบว่ากราฟ Breakout จริงหรือหลอก: เมื่อคุณเห็นสัญญาณ Breakout, ขั้นตอนถัดไปคือการทดสอบว่า Breakout นั้นเป็นจริงหรือไม่ คุณควรรอราคาทดสอบแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นพื้นที่ใหม่โดยการเคลื่อนที่ไปใกล้แนวรับหรือแนวต้านแล้วหันกลับ หากราคาทดสอบและไม่สามารถทะลุข้ามแนวรับหรือแนวต้านได้, อาจเกิดการหลอกหรือเทรนด์กลับกัน (false breakout) ขึ้น คุณอาจต้องรอให้ราคาปิดอยู่ในพื้นที่ใหม่อย่างมั่นคงและมีการยืนยันในระยะเวลาที่คุณใช้ในการเทรด เพื่อลดความเสี่ยงจาก false breakout.
- หากทดสอบแล้วว่า Breakout จริงสามารถเทรดตามเทรนด์ (Follow Trade) ได้เลย: หลังจากที่ราคาได้ทำการทดสอบและยืนยัน Breakout ในทิศทางที่คุณต้องการ, คุณสามารถเริ่มทำการเทรดตามเทรนด์ในทิศทางของ Breakout ได้ คุณสามารถเปิดตำแหน่งซื้อหรือขายตามทิศทางของ Breakout และใช้การจัดการความเสี่ยงและการจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยของการเทรดของคุณ.
ประโยชน์ของการใช้ค่า Break Out
การใช้ Breakout ในการซื้อขายในตลาดการเงินมีประโยชน์มากมายที่นักเทรดสามารถนำมาใช้ในการวางแผนการเทรดและทำกำไร โดยประโยชน์หลักได้แก่
- เป็นข้อมูลในการเปิดออเดอร์: Breakout เป็นสัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้นเมื่อราคาขายขาลงข้ามระดับราคาแนวต้าน (Resistance) หรือขาขึ้นข้ามระดับราคาแนวรับ (Support) ที่สำคัญ. เมื่อเราเห็น Breakout เกิดขึ้น, มันสามารถบอกให้เราทราบว่าราคาอาจมีแนวโน้มที่จะด้วยต่อไปในทิศทางที่เกิด Breakout เนื่องจาก Breakout เป็นสัญญาณการเคลื่อนไหวที่สำคัญ, นักเทรดสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนการเทรด โดยตัดสินใจว่าจะทำการซื้อหรือขายขณะที่ Breakout เกิดขึ้น เช่น การซื้อเมื่อมี Breakout ขึ้นที่แนวต้านหรือขายเมื่อมี Breakout ลงที่แนวรับ.
- ช่วยใทำกำไรก้อนใหญ่ได้: เมื่อ Breakout เกิดขึ้น, มักมีความเคลื่อนไหวที่มีแรงและรวดเร็วในทิศทางที่เกิด Breakout. นักเทรดที่สามารถรับข้อมูล Breakout ทันทีและทำการเข้ารับตามราคาทันเวลามีโอกาสทำกำไรได้อย่างมาก เนื่องจากราคามักมีการวิ่งต่อไปได้อย่างรวดเร็วหลังจาก Breakout.นักเทรดสามารถนำข้อมูล Breakout มาใช้ในการวางแผนการเทรดโดยการตัดสินใจว่าจะเปิดสัญญาในทิศทางที่เกิด Breakout และมักมีโอกาสทำกำไรก้อนใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม, ควรระมัดระวังและใช้กับกลยุทธ์การเทรดที่มีการจัดการความเสี่ยงอย่างดีเพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ Breakout ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง.
ข้อควรระวังในการเทรด Break out
การเทรด Breakout ในตลาดการเงินเป็นกลยุทธ์ที่มีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงในการที่สัญญาณ Breakout อาจเป็น False Breakout หรือการหลอกหลอน ดังนั้น, นี่คือข้อควรระวังที่นักเทรดควรพิจารณาเมื่อเทรด Breakout:
- การตรวจสอบสัญญาณ Breakout ให้แม่นยำ: การระมัดระวังในการตรวจสอบสัญญาณ Breakout ให้แน่ใจว่ามันเป็นสัญญาณจริง ๆ โดยตรวจสอบการทะลุระดับราคาและการปิดราคาว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ การใช้เครื่องมือเสริมเช่น อินดิเคเตอร์และแท่งเทียนเทรดตรวจสอบสัญญาณ Breakout อย่างถูกต้อง.
- ระบบการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม: การตั้งระดับ Stop Loss และ Take Profit ให้เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อเทรด Breakout ซึ่งอาจมีการแกว่งขึ้นและลงมาอย่างรวดเร็ว.
- ความระมัดระวังในกรอบไซด์เวย์ (Sideways Market): การเทรด Breakout ในกรอบไซด์เวย์อาจทำให้เกิด False Breakout ได้ง่าย เนื่องจากราคามีความผันผวนสูง ดังนั้น, การควบคุมความเสี่ยงและการตรวจสอบสัญญาณอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ.
- การระมัดระวังในข่าวสาร: ระมัดระวังในการเทรด Breakout ในช่วงเวลาที่มีข่าวสารมหัศจรรย์หรือที่ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะอาจมีความผันผวนในราคามากเนื่องจากประกาศข่าวสารที่ไม่คาดคิด.
- การระมัดระวังในปริมาณ: ในบางกรณี, การ Breakout อาจเกิดขึ้นในปริมาณต่ำทำให้ราคาแพร่กระจายและการซื้อขายไม่เป็นมิตรกับนักเทรด การระมัดระวังในปริมาณและการรายงานการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญ.