CFD forex คืออะไร ตัวอย่างโบรกเกอร์ CFD

CFD forex คืออะไร

คำว่า CFD ย่อมาจาก “Contract for Difference” ซึ่งเป็นรูปแบบของสัญญาทางการเงินที่อนุญาตให้ผู้ลงทุนทำการซื้อขายค่าส่วนแบ่งของราคาเปรียบเทียบระหว่างราคาเริ่มต้นและราคาสิ้นสุดของสินทรัพย์อ้างอิง โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงนั้นจริง การซื้อขาย CFD Forex เน้นคู่เงินแลกเปลี่ยน (Forex) ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญในการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ.

CFD forex คืออะไร มีอะไรบ้าง ตัวอย่างโบรกเกอร์ CFD ย่อมาจาก
CFD forex คืออะไร มีอะไรบ้าง ตัวอย่างโบรกเกอร์ CFD ย่อมาจาก

การซื้อขาย CFD Forex ในรูปแบบคู่สกุลเงินต่าง ๆ เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, AUD/USD, และอื่น ๆ โดยผ่านการทำสัญญา CFD คุณสามารถเข้าร่วมการซื้อขายคู่เงินแลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสกุลเงินจริง ๆ แต่เพียงแค่การทำสัญญา CFD และการเปิดตำแหน่งในระบบ CFD Forex ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการซื้อขายและวางแผนกิจกรรมการลงทุนได้อย่างมีความสะดวก

CFD forex มีอะไรบ้าง

CFD (Contract for Difference) เป็นสัญญาซื้อขายส่วนต่างที่ทำให้คุณสามารถซื้อขายราคาของอินสตรูเมนต์หรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของจริง ๆ ของสินทรัพย์นั้น ๆ นี่คือหลายประเภทของ CFD ที่มักมีการซื้อขายในโบรกเกอร์ Forex และตลาดอื่น ๆ

CFD Commodities
CFD Commodities
  1. สกุลเงิน CFD (Currency CFDs): สกุลเงิน CFD ให้คุณสามารถซื้อขายคู่สกุลเงินต่าง ๆ ในตลาด Forex โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของเงินตราจริง ๆ ตัวอย่างเช่น EUR/USD คือคู่สกุลเงินที่ระบุราคาแลกเปลี่ยนระหว่างยูโรและดอลลาร์สหรัฐ. การซื้อขายสกุลเงินเหล่านี้เป็นที่นิยมในตลาด Forex เนื่องจากมีความผันผวนสูงและความเปลี่ยนแปลงราคาตลอดเวลา.
  2. หุ้น CFD (Stock CFDs): ในหุ้น CFD, คุณสามารถซื้อขาย CFD ในหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเทรด CFD ในหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีเช่น Apple, Microsoft, หรือบริษัทอื่น ๆ. การเทรดหุ้น CFD ให้คุณมีโอกาสในการกำไรและขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นเหล่านั้น.
  3. ดัชนี CFD (Index CFDs): ดัชนี CFD ให้คุณซื้อขาย CFD ในดัชนีตลาดหุ้นเช่น Dow Jones, Germany 30, Japan 225, Mini Nasdaq, Mini S&P 500, UK 100. การซื้อขายดัชนี CFD ช่วยให้คุณสามารถลงทุนในการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโดยไม่ต้องซื้อขายหุ้นแต่ละตัว.
  4. พลังงาน CFD (Commodity CFDs): CFD ในพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายทางการเงินและรวมถึงสินค้าพลังงานเช่น น้ำมันดิบ UK, น้ำมันดิบ US Crude, ก๊าซธรรมชาติ, และน้ำมันให้ความร้อน. การซื้อขายพลังงาน CFD สามารถให้คุณมีการลงทุนในตลาดพลังงานโดยไม่ต้องเก็บของจริง.
  5. สินค้าโภคภัณฑ์ CFD (Commodity CFDs): คุณสามารถซื้อขาย CFD ในสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น น้ำตาล, ถั่วเหลือง, ข้าวสาลี, กาแฟ, และข้าวโพด. การซื้อขาย CFD ในสินค้าโภคภัณฑ์ช่วยให้คุณสามารถลงทุนในการผลิตและราคาของสินค้าเหล่านี้.
  6. โลหะ CFD (Metal CFDs): คุณสามารถซื้อขาย CFD ในโลหะที่มีค่าความนิยมเช่น ทองคำและแร่เงิน. การเทรดโลหะ CFD ช่วยให้คุณสามารถลงทุนในราคาของโลหะนั้นๆ โดยไม่ต้องเก็บของจริง.
  7. Crypto CFD (Cryptocurrency CFDs): ในบางโบรกเกอร์ Forex, คุณสามารถซื้อขาย CFD ในสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin, Ripple, และอื่น ๆ. การซื้อขาย Crypto CFD ให้คุณมีโอกาสในการกำไรและขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงราคาของสกุลเงินดิจิทัล.

ตัวอย่างโบรกเกอร์ CFD

การเลือกโบรกเกอร์ CFD เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากคุณจะต้องให้ข้อมูลการเงินและทำการซื้อขายด้วยเงินจริง ดังนั้นควรพิจารณาเงื่อนไขการซื้อขาย ค่าคอมมิชชัน ความเสี่ยง และคุณสมบัติอื่น ๆ ของแต่ละโบรกเกอร์ก่อน นี่คือตัวอย่างของบางโบรกเกอร์ CFD

IC Markets
IC Markets
  1. FXTM (ForexTime): FXTM เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในการให้บริการ CFD Forex และมีช่วงเวลาการซื้อขายกว้างขวางสำหรับคู่สกุลเงินต่าง ๆ รวมถึงการซื้อขาย CFD ในสินค้าอื่น ๆ เช่น โลหะและพลังงาน.
  2. IG Markets: IG Markets เป็นโบรกเกอร์ CFD ยอดนิยมที่ให้บริการในตลาด CFD Forex และ CFD อื่น ๆ อาทิ Dow Jones, Germany 30, และคู่สกุลเงินหลัก ๆ.
  3. Exness: Exness เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ CFD Forex และ CFD อื่น ๆ โดยมีการกระจายที่ต่ำและเงื่อนไขการซื้อขายที่ดี.
  4. HFM (HotForex): HFM (หรือ HotForex) เป็นโบรกเกอร์ CFD Forex และ CFD อื่น ๆ ที่มีเสถียรภาพและให้บริการในตลาด CFD Forex คู่สกุลเงินหลัก ๆ และสินค้าอื่น ๆ.
  5. XM: XM เป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการ CFD Forex และ CFD อื่น ๆ ในตลาดการเงิน พวกเขามีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่ายและสำหรับผู้เริ่มต้น.
  6. Pepperstone: Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ CFD Forex ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ CFD ในหลายคู่สกุลเงินรวมถึงสินค้าอื่น ๆ โดยมีการกระจายที่ต่ำและแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ครอบคลุม.
  7. FBS: FBS เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการ CFD Forex และ CFD อื่น ๆ พวกเขามีบัญชี demo ที่ให้ผู้ใช้ทดลองการซื้อขายโดยไม่ต้องลงทุนเงินจริง.
  8. AvaTrade: AvaTrade เป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่ให้บริการ CFD Forex และ CFD ในตลาดอื่น ๆ พวกเขามีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ครอบคลุมและความเสี่ยงต่ำ.

ข้อดีและข้อเสียของระบบ CFD

ระบบ CFD เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดที่มีความรู้และประสบการณ์ในการลงทุน แต่ควรระมัดระวังในการใช้งานและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย CFD โดยระบบ CFD (Contract for Difference) มีข้อดีและข้อเสียดังนี้

ข้อดีและข้อเสียของระบบ CFD
ข้อดีและข้อเสียของระบบ CFD

ข้อดีของระบบ CFD

  1. การซื้อขายแบบ Margin: ผู้ซื้อขาย CFD สามารถเทรดโดยใช้เงินทุนน้อยมาก แต่ยังสามารถควบคุมตำแหน่งขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการใช้ Margin. นี่คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มการลงทุนของคุณในตลาด CFD ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสกำไรมากกว่าเงินทุนเริ่มต้นของคุณ แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากมีความเสี่ยงในการขาดทุนเมื่อตลาดเคลื่อนไหวตรงกันกับทิศทางที่คุณเดินทาง.
  2. ความหลากหลายในการซื้อขาย: คุณสามารถเทรด CFD ในหลายประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้น, สกุลเงิน, ดัชนี, สินค้า, แร่ธาตุ, และสิ่งอื่น ๆ ทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ นี่เป็นข้อได้เปรียบเมื่อคุณต้องการสร้างพอร์ตโดยใช้หลายประเภทของสินทรัพย์.
  3. ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ: ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย CFD มักมีราคาที่เป็นกำลังสองของมูลค่าที่ซื้อขาย ซึ่งมักจะถูกกว่าการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายทางการบัญชีทั่วไป นี่เป็นประโยชน์สำหรับนักเทรดที่ต้องการลดความต้องการค่าธรรมเนียมในการซื้อขายของพวกเขา.
  4. การทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง: คุณสามารถทำกำไรจากการเทรด CFD ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง นี่เป็นข้อได้เปรียบเมื่อคุณสามารถใช้สัญญา CFD ในการเดิมพันทั้งทิศทางขาขึ้นและขาลงของราคา.
  5. สามารถเข้าถึงตลาดทั่วโลก: ระบบ CFD ให้คุณเข้าถึงตลาดโลกในเวลาที่ตลาดเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ นี่หมายความว่าคุณสามารถซื้อขายในตลาดที่สองต่างประเทศหรือในเวลาที่ไม่ได้ทำงาน.

ข้อเสียของระบบ CFD

  1. ค่า Spread: ผู้ซื้อขาย CFD จะต้องจ่ายค่า Spread หรือความต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย ซึ่งเป็นกำไรของโบรกเกอร์. การหักค่า Spread อาจทำให้คุณมีคำสั่งซื้อขายแล้วมีความเสี่ยงในการขาดทุนเล็กน้อยเพิ่มขึ้น.
  2. ความเสี่ยงสูง: ตลาด CFD เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงและความผันผวนในราคาสูง นี่อาจทำให้ผู้ซื้อขายสูญเสียเงินมากกว่าทุนเริ่มต้นของพวกเขา การใช้ Leverage ยังเพิ่มความเสี่ยงเพิ่มขึ้น.
  3. ความไม่แน่นอนของโบรกเกอร์: ตลาด CFD มีการควบคุมและกฎหมายที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการทำธุรกรรมและการเรียกร้องสิทธิ์.
  4. ความซับซ้อน: การเทรด CFD มีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์แบบอื่น ๆ คุณจะต้องเข้าใจกฎระเบียบการทำธุรกรรมและการจัดการความเสี่ยงให้ดีเพื่อป้องกันการขาดทุน.
  5. ไม่มีสิทธิ์ควบคุมโหวต: ในกรณีที่คุณเทรดหุ้นโดยใช้ CFD คุณไม่มีสิทธิ์ควบคุมในการโหวตหรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัทที่เป็นเจ้าของหุ้น นี่เป็นข้อจำกัดที่คุณควรรู้ถึง.