Envelope indicator คืออะไร
Indicator Envelope เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเทรดในตลาดทุน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการตีความพฤติกรรมของราคาหลักๆ ในการซื้อขายหรือการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดทุนอื่นๆEnvelopes มีลักษณะการใช้งานที่คล้ายกับ Bollinger Bands และ Keltner Channels โดยมีสองเส้นสำคัญคือเส้นบนและเส้นล่างที่อยู่รอบๆ ราคาปัจจุบัน สองเส้นเหล่านี้เรียกว่า “Envelope” หรือ “แบบฟ้าตรง” เพราะว่าพวกมันคล้ายกับการสร้างกรอบ (หรือแบบฟ้าตรง) รอบราคา โดยลักษณะหลักของ Envelope คือการใช้เส้นบนและเส้นล่างเป็นบอร์เดอร์หรือขอบเขตสำหรับราคา โดยทั่วไปแล้วเส้นบนอยู่เหนือราคาปัจจุบัน และเส้นล่างอยู่ใต้ราคาปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่ระหว่าง Envelope จะช่วยในการตีความสภาวะตลาด โดยทั่วไปแล้ว:
- เมื่อราคาอยู่เหนือเส้นบนของ Envelope: สภาวะนี้มักถูกตีความว่าตลาดอาจเริ่มเป็น “Overbought” หรือมีแนวโน้มที่จะร่วงลงในอนาคต
- เมื่อราคาอยู่ใต้เส้นล่างของ Envelope: สภาวะนี้มักถูกตีความว่าตลาดอาจเริ่มเป็น “Oversold” หรือมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นในอนาคต
การวิเคราะห์ Envelope indicator ช่วยให้นักลงทุนหรือนักเทรดสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะตลาดและแนวโน้มของราคาได้ง่ายขึ้น เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและสามารถเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจในการเข้า-ออกทำการซื้อขายในตลาดทุนได้ตามสภาวะที่แสดงโดย Envelope indicator ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดสินใจเทรดในการลงทุนของนักลงทุนหลายคนในตลาดทุนซึ่งมีความนิยมใช้ Indicator นี้เป็นอย่างมากในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการลงทุน
สูตรการคำนวณ Envelope indicator
Indicator Envelope คำนวณโดยใช้ Moving Average (MA) และการคูณค่าส่วนแปรสำคัญ ในกรณีนี้เราจะใช้งาน Envelope indicator โดยใช้สูตรทั้งสองต่อไปนี้:
- Upper Envelope (เส้นบนของ Envelope):
- Upper Envelope = MA + (MA * Percentage)
- Lower Envelope (เส้นล่างของ Envelope):
- Lower Envelope = MA – (MA * Percentage)
โดยที่:
- MA (Moving Average) คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
- Percentage คือค่าเปอร์เซ็นต์ที่คุณต้องการใช้ในการปรับขอบเขตของ Envelope ซึ่งจะกำหนดระยะห่างระหว่างเส้นบนและเส้นล่างของ Envelope
สิ่งที่คุณต้องทำคือ:
- หาค่า Moving Average (MA) ของราคาในช่วงเวลาที่คุณสนใจ (เช่น 20 วัน, 50 วัน, 100 วัน) โดย MA นี้จะเป็นเส้นกลางของ Envelope indicator.
- กำหนดค่า Percentage ที่คุณต้องการใช้ในการปรับขอบเขตของ Envelope (เช่น 2% หรือ 5%).
- คำนวณ Upper Envelope และ Lower Envelope โดยใช้สูตรดังกล่าวข้างบน.
ตัวอย่าง:
- หากคุณมี Moving Average (MA) ในช่วงเวลา 20 วันที่มีค่าเท่ากับ 100 บาท
- และคุณต้องการ Envelope ที่มีความกว้างระหว่างเส้นบนและเส้นล่างเท่ากับ 5%
- คุณสามารถคำนวณ Envelope ได้ดังนี้:
Upper Envelope = 100 + (100 * 0.05) = 100 + 5 = 105 บาท
Lower Envelope = 100 – (100 * 0.05) = 100 – 5 = 95 บาท
ดังนั้นกรณีนี้ Envelope indicator จะมีเส้นบนที่ราคา 105 บาทและเส้นล่างที่ราคา 95 บาทในแต่ละวันหรือช่วงเวลาที่คุณกำหนดสำหรับการวิเคราะห์และการตีความของราคาในตลาดทุนหรือหลายประเภทของตลาดอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการของคุณในการศึกษาแนวโน้มและการทำธุรกรรมในตลาด
การวิเคราะห์ Envelope indicator
การวิเคราะห์ Envelope indicator เป็นกระบวนการที่นักลงทุนหรือนักเทรดใช้เพื่อหาความสามารถของตลาดและแนวโน้มของราคา ดังนี้:
- สังเกตราคาเทียบกับ Envelope: เริ่มต้นด้วยการสังเกตราคาปัจจุบันว่าอยู่ในช่วงเส้นบนหรือเส้นล่างของ Envelope หรือไม่ สำหรับการวิเคราะห์ค่าเส้นบนและเส้นล่างที่คำนวณด้วย Percentage เฉพาะค่าราคาที่อยู่นอกเหนือจาก Envelope อาจถือเป็นสัญญาณที่มีนัยสำคัญ:
- เมื่อราคาต่ำกว่าเส้นล่างของ Envelope อาจแสดงถึงสภาวะที่ราคา “Oversold” และอาจเป็นสัญญาณที่ราคาจะขึ้นขึนในอนาคต
- เมื่อราคาสูงกว่าเส้นบนของ Envelope อาจแสดงถึงสภาวะที่ราคา “Overbought” และอาจเป็นสัญญาณที่ราคาจะลงลงในอนาคต
- ความแตกต่างระหว่างราคาและ Envelope: การสังเกตความแตกต่างระหว่างราคาปัจจุบันและค่าเส้นบนหรือเส้นล่างของ Envelope อาจช่วยในการพิจารณาสภาวะที่ตลาดอาจจะเปลี่ยนแนวโน้ม หากความแตกต่างมีขนาดใหญ่ อาจเสนอโอกาสการซื้อขายที่ดี
- การสังเกตความเปลี่ยนแปลงของ Envelope: เปรียบเทียบ Envelope ในระยะเวลาต่างๆ เพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม หาก Envelope เริ่มขยับขึ้นหรือลง อาจเป็นสัญญาณว่ามีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในตลาด
- การใช้ Envelope ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ: นอกจาก Envelope เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่อิสระ คุณยังสามารถใช้งาน Envelope ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น Relative Strength Index (RSI) หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD) เพื่อเสริมความแม่นยำในการตัดสินใจการซื้อขาย
- การกำหนดระยะเวลา: หากคุณใช้ Envelope ในการวิเคราะห์แนวโน้มราคา ควรจะกำหนดระยะเวลาของ Moving Average (MA) ให้เหมาะสมกับการศึกษาขอบเขตของตลาดที่คุณสนใจ เช่น 20 วัน, 50 วัน, 100 วัน เป็นต้น
การใช้งาน Envelope indicator
แนวคิดการใช้งาน Envelope indicator มีอยู่สองรูปแบบหลัก: การใช้งานเพื่อบอกเทรนด์และการใช้งานเพื่อบอกการแกว่งตัวของราคา ขออธิบายแต่ละข้ออย่างละเอียดดังนี้:
การใช้งาน Envelope เพื่อบอกเทรนด์
- กำหนดค่า Envelope indicator: เริ่มต้นโดยตั้งค่า Envelope indicator โดยระบุระยะเวลาสำหรับ Moving Average (MA) และค่า Percentage ตามที่คุณต้องการ (เช่น 20 วัน MA และ 5% Percentage). MA จะใช้ในการคำนวณ Envelope.
- สังเกตราคา: ตามด้วยการสังเกตราคาว่าอยู่ในช่วงเส้นบนหรือเส้นล่างของ Envelope หรือไม่:
- ถ้าราคาสูงกว่าเส้นบนของ Envelope อาจแสดงถึงแนวโน้มของตลาดที่เป็น “Overbought” และอาจมีโอกาสลงลงในอนาคต.
- ถ้าราคาต่ำกว่าเส้นล่างของ Envelope อาจแสดงถึงแนวโน้มของตลาดที่เป็น “Oversold” และอาจมีโอกาสขึ้นขึ้นในอนาคต.
- สร้างกฎการเทรด: คุณสามารถสร้างกฎการเทรดขึ้นโดยใช้ Envelope เป็นเครื่องมือช่วย:
- เช่น ถ้าราคาขึ้นเหนือเส้นบนของ Envelope และมีสัญญาณทางอื่น (เช่น สัญญาณ RSI) บอกถึงการแข็งแกร่งของการขึ้น อาจเป็นสัญญาณ Buy.
- สามารถใช้เส้น MA และ Envelope เพื่อสร้างกฎการเทรดเพิ่มเติม เช่น การตัดกันระหว่างเส้น MA และเส้นล่างของ Envelope อาจเป็นสัญญาณ Buy.
การใช้งาน Envelope เพื่อบอกการแกว่งตัวของราคา
- กำหนดค่า Envelope indicator: กำหนด Envelope indicator โดยใช้ระยะเวลา MA และค่า Percentage ตามความต้องการ (เช่น 14 วัน MA และ 3% Percentage). ตัว Envelope นี้มักจะใช้ในการตรวจสอบการแกว่งตัวของราคา.
- สังเกตราคา: สังเกตราคาว่าอยู่ภายใน Envelope และหากมีการแกว่งตัวของราคาจากเส้นบนไปยังเส้นล่างหรือในทิศทางกลับกัน อาจเป็นสัญญาณการแกว่งตัวของราคา.
- สร้างกฎการเทรด: คุณสามารถใช้สัญญาณการแกว่งตัวในการตัดสินใจการเทรด เช่น เมื่อราคาแกว่งตัวขึ้นจากเส้นล่างของ Envelope อาจเป็นสัญญาณ Buy และเมื่อราคาแกว่งตัวลงจากเส้นบนของ Envelope อาจเป็นสัญญาณ Sell.
- การป้องกันกำไรและขาดทุน: หากใช้ Envelope indicator ในการตัดสินใจการเทรด ควรกำหนดระดับการจับกำไร (Take Profit) และระดับหยุดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อรองรับการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพและความระมัดระวังในการลงทุน.