GANN Theory คืออะไร ที่มา ขั้นตอนการวิเคราะห์ในตลาด

GANN Theory คืออะไร

ทฤษฎีแกน (Gann Theory) เป็นระบบการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาดทางการเงินที่พัฒนาขึ้นโดยวิลเลียม เดลเบิร์ต แกน (William Delbert Gann) นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดังในวงการการลงทุน ทฤษฎีนี้เน้นความสัมพันธ์ระหว่างราคาและเวลา โดยเชื่อว่าราคาหรือระดับ SUPPORT และ RESISTANCE สามารถทำนายได้จากพฤติกรรมของผู้ลงทุน โดยการใช้เปอร์เซ็นต์เป็นเครื่องมือในการวัดระดับเหล่านี้ ระดับ SUPPORT และ RESISTANCE ที่สำคัญจะอยู่ที่ 100% ของราคาสูงสุดและต่ำสุดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และหลังจากนั้นราคาจะลดลงลำดับเป็น 50%, 25%, และ 12.5% ตามลำดับ William Delbert Gann (Gann) ได้นำเทคนิคสองประเภทมาใช้ใน Gann Theory เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาด โดยเทคนิคเหล่านี้คือ

GANN Theory คืออะไร ที่มา ขั้นตอนการวิเคราะห์ในตลาด Forex
GANN Theory คืออะไร ที่มา ขั้นตอนการวิเคราะห์ในตลาด Forex
  1. Gann’s Geometric Angle (เจาะลึกเรขาคณิตของแกน): ข้อสำคัญใน Gann Theory คือการใช้เจาะลึกเรขาคณิตเพื่อวิเคราะห์และทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด. Gann เชื่อว่าราคาและเวลามีความสัมพันธ์กัน และเราสามารถใช้มุมเรขาคณิตเพื่อทำนายแนวโน้มของราคาในอนาคต. มุมเรขาคณิตที่สำคัญที่ Gann ใช้มีหลักๆ คือ 45 องศาและ 90 องศา. เมื่อราคาข้ามมุมเรขาคณิตเหล่านี้บนกราฟราคา มักจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของตลาด. ยกตัวอย่างเช่น ถ้าราคาข้ามมุม 45 องศาขึ้นไป แสดงว่าตลาดอาจมีแนวโน้มขึ้นไปด้วย.
  2. Percentage Retracement (การลดลงเป็นเปอร์เซ็นต์): ข้อสองใน Gann Theory เกี่ยวกับการใช้เปอร์เซ็นต์เพื่อแสดงระดับ SUPPORT และ RESISTANCE ในตลาด. เราใช้เปอร์เซ็นต์เพื่อวัดการลดลงของราคาจากระดับสูงสุดหรือต่ำสุดที่เกิดขึ้นในก่อนหน้า. ตัวอย่างเช่น, เมื่อราคาลดลงจากระดับสูงสุดไปยังระดับต่ำสุดและกลับขึ้นมา ระดับที่ราคากลับมาอยู่จะเป็นเปอร์เซ็นต์ของระดับต่ำสุดถึงระดับสูงสุด ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ว่าระดับราคานั้นเป็น SUPPORT หรือ RESISTANCE ที่สำคัญในอนาคต.

ดังนั้น Gann’s Geometric Angle ใช้สำหรับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ในขณะที่ Percentage Retracement ใช้สำหรับการแสดงระดับ SUPPORT และ RESISTANCE ในตลาดทางการเงิน. การรวมการใช้งานทั้งสองข้อนี้ช่วยให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์สามารถทำนายแนวโน้มของตลาดและตัดสินใจในการลงทุนและการซื้อขายในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ที่มาของ GANN Theory

Gann Theory คือระบบการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาดทางการเงินที่พัฒนาขึ้นโดยวิลเลียม เดลเบิร์ต แกน (William Delbert Gann) นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดังในวงการการลงทุน แกนนั้นเกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1878 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1955 ซึ่งเขามีผลงานสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีและเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีผลในตลาดการเงิน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ที่มาของ GANN Theory
ที่มาของ GANN Theory

ที่มาของ Gann Theory อาจมีส่วนสำคัญมาจากประสบการณ์และการศึกษาของ Gann ในตลาดทางการเงิน แกนเคยทำงานในตลาดธัญพืชในยุคที่เกษตรกรฝีมือต้องคาดการณ์และทำนายเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวและราคาสินค้า จากนั้นเขาได้นำความรู้และประสบการณ์จากธุรกิจนี้มาใช้ในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เขาเชื่อในการใช้หลักคณิตศาสตร์ และอุปนิสัยวิเคราะห์ต่าง ๆ เพื่อทำนายราคาและเคล็ดลับในการลงทุน ซึ่งทำให้เขาเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในยุคที่ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีความเปลี่ยนแปลงมากในปฏิบัติและผู้ลงทุนต้องพบกับความสับสนในการตัดสินใจการลงทุน

ระบบ Gann Theory ได้รับความนิยมและกลายเป็นทฤษฎีที่เข้าใจและใช้งานได้ในวงการการเงิน และเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Gann เช่น Gann Box, Gann Square, และ Gann Fan ยังคงถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และการตัดสินใจในการลงทุนในปัจจุบัน แม้ว่ามีความข้อสันนิษฐานและความประสงค์จากบุคคลต่าง ๆ เกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของ Gann Theory แต่ไม่สามารถปฏิบัติการในตลาดด้วย Gann Theory ได้อย่างแม่นยำเสมอไป เนื่องจากตลาดทางการเงินมีปัจจัยหลายปัจจัยที่มีผลต่อราคาและการเคลื่อนไหวของตลาด.

เครื่องมือทางเทคนิคของ Gann Theory

การใช้เครื่องมือทางเทคนิค Gann Theory ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจในหลักการของทฤษฎีแกน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและตัดสินใจในการลงทุนและการซื้อขายในตลาด Forex โดย Gann Theory ใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ เพื่อการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาด นี่คือเครื่องมือทางเทคนิคสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ Gann Theory

Gann Square

Gann Square เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในทฤษฎีแกน (Gann Theory) เพื่อการวิเคราะห์และการทำนายระดับราคาในอนาคตในตลาดทางการเงิน คุณสามารถสร้าง Gann Square บนกราฟราคาเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและการเคลื่อนไหวของราคา. นี่คือคุณสมบัติสำคัญของ Gann Square:

Gann Square
Gann Square
  1. กราฟเรขาคณิต: Gann Square ประกอบด้วยกราฟเรขาคณิตที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีหน้าตาเป็นตารางหรือกรอบสี่เหลี่ยม บนกราฟนี้, จะมีเส้นและตัวเลขที่สำคัญอยู่บนกรอบ.
  2. มุมเรขาคณิต: Gann Square มักมีมุมเรขาคณิตที่สำคัญที่ถูกวาดบนกราฟ สามารถใช้มุมเรขาคณิตนี้เพื่อทำนายแนวโน้มราคาในอนาคต มุมที่สำคัญสำหรับ Gann Square มีค่าเช่น 45 องศาและ 90 องศา.
  3. ระดับราคา: บน Gann Square, จะมีตัวเลขที่แสดงระดับราคาที่สำคัญ ซึ่งสามารถใช้เป็นระดับ SUPPORT และ RESISTANCE ในการวิเคราะห์ราคา.
  4. การใช้งาน: เมื่อมีการสร้าง Gann Square บนกราฟราคา, คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อค้นหาระดับราคาที่สำคัญและแนวโน้มของตลาด โดยมุมเรขาคณิตและระดับราคาเหล่านี้สามารถช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขายและการวางแผนการซื้อขายในอนาคต.

Gann Fan

Gann Fan เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและระดับราคาในตลาดการเงิน โดยเฉพาะใน Gann Theory ที่พัฒนาโดย William Delbert Gann  นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดังในวงการการลงทุน โดย Gann Fan มีลักษณะเป็นเส้นทางที่วาดขึ้นบนกราฟราคา เส้นเหล่านี้แสดงเส้นแนวโน้มที่อยู่ในมุมเรขาคณิตที่สำคัญ โดยสามารถแบ่งเป็นสามเส้นหลักหรือมุมที่สำคัญคือ:

Gann Fan
Gann Fan
  1. เส้นแนวตั้ง (1×1 Gann Line): เส้นนี้มีมุม 45 องศา และเรียกว่า “เส้นแนวตั้ง” หรือ “1×1 Gann Line” มันมักถูกใช้เป็นเส้นที่ตัดกับราคาในการวิเคราะห์แนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงของตลาด.
  2. เส้นแนวนอน (1×2 Gann Line): เส้นนี้มีมุม 26.25 องศา และเรียกว่า “เส้นแนวนอน” หรือ “1×2 Gann Line” มันมักถูกใช้เพื่อหาระดับราคาที่เป็นสนับสนุนหรือต้านในอนาคต.
  3. เส้นแนวนอน (2×1 Gann Line): เส้นนี้มีมุม 63.75 องศา และเรียกว่า “เส้นแนวนอน” หรือ “2×1 Gann Line” เส้นนี้มักถูกใช้ในการหาระดับราคาที่เป็นสนับสนุนหรือต้านในอนาคตเช่นกัน.

ความคิดสำคัญคือการใช้ Gann Fan ควรเริ่มต้นจากการระบุจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่เหมาะสมในการวาดเส้นแนวตั้ง (1×1 Gann Line) และจากนั้นสามารถเพิ่มเส้นแนวนอน (1×2 Gann Line และ 2×1 Gann Line) โดยใช้จุดนี้เป็นฐาน. Gann Fan เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยในการวิเคราะห์และการตัดสินใจในการซื้อขายในตลาด Forex และตลาดการเงินอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพหากนำมาใช้อย่างถูกต้องและเข้าใจหลักการของ Gann Theory

Gann Box

Gann Box เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ใน Gann Theory ในการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาดทางการเงิน มันมีประโยชน์ในการหาระดับ SUPPORT และ RESISTANCE ที่สำคัญในอนาคต. การใช้ Gann Box มีขั้นตอนการทำงานดังนี้:

Gann Box
Gann Box
  1. เลือกระยะเวลาที่เหมาะสม: ก่อนที่คุณจะใช้ Gann Box ในการวิเคราะห์ตลาด Forex, คุณควรเลือกระยะเวลาที่คุณสนใจ มีความเหมาะสมที่จะใช้ Gann Box ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, หรือระยะยาวขึ้น เช่น 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์และการซื้อขายของคุณ.
  2. สร้าง Gann Box: เลือกระดับราคาสูงสุดและต่ำสุดที่คุณต้องการใช้ในการสร้าง Gann Box ในระยะเวลาที่คุณเลือก. เริ่มต้นด้วยการวาดเส้นขนานที่ผ่านระดับสูงสุดและต่ำสุดเหล่านั้นบนกราฟราคา.
  3. เปรียบเทียบกับ Gann Fan: หลังจากสร้างเส้นขนานเริ่มต้น, คุณจะวาดเส้นแฟนจากจุดเริ่มต้น และให้เส้นแฟนนี้ตัดกับเส้นขนานที่คุณสร้างไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ ตรวจสอบว่าราคาถูกสนับสนุนหรือต้านเมื่อเส้นแฟนตัดกับเส้นขนานแต่ละเส้น.
  4. ระดับ SUPPORT และ RESISTANCE: ระดับที่เส้นแฟนตัดกับเส้นขนานจะเป็นระดับ SUPPORT หรือ RESISTANCE ที่สำคัญ คุณสามารถใช้ระดับเหล่านี้ในการตัดสินใจในการซื้อขาย ระดับ SUPPORT เป็นที่น่าสนใจในการตั้งคำสั่งซื้อ ในขณะที่ระดับ RESISTANCE เป็นที่น่าสนใจในการตั้งคำสั่งขาย.
  5. คาดการณ์แนวโน้มราคา: จากการวิเคราะห์ Gann Box และระดับ SUPPORT และ RESISTANCE ที่คุณได้หา, คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต โดยมองหาการเคลื่อนไหวของราคาที่เกี่ยวข้องกับระดับเหล่านี้.

Gann Angles

เส้นแนวโน้มแกน (Gann Angles) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่สร้างขึ้นจากหลักการทางเรขาคณิตของทฤษฎีแกน (Gann Theory) ที่ใช้ในการวิเคราะห์และทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดทางการเงิน อินสทรูเมนต์ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดย W.D. Gann ซึ่งเชื่อว่าราคาและเวลามีความสัมพันธ์กันและสามารถใช้สร้างเส้นแนวโน้มที่สามารถช่วยในการระบุแนวโน้มและระดับราคาที่สำคัญในอนาคต.

Gann Angles
Gann Angles

สิ่งที่สำคัญในการเข้าใจเส้นแนวโน้มแกนคือมุมเรขาคณิต (Geometric Angle) ที่ใช้ในการสร้างเส้นแนวโน้มเหล่านี้ มุมเรขาคณิตที่สำคัญใน Gann Angles คือ 45 องศาและ 90 องศา. เส้นแนวโน้มแกนจะถูกวาดขึ้นตามมุมเรขาคณิตนี้บนกราฟราคา เส้นแนวโน้มแกนมีลักษณะเป็นเส้นทแยงมุมที่อาศัยมุมเรขาคณิตเป็นพื้นฐาน มันสามารถดึงมาวางบนกราฟราคาและใช้เพื่อระบุระดับราคาที่สำคัญและแนวโน้มของตลาด ด้วยหลักการที่ราคาและเส้นแนวโน้มแกนมีความสัมพันธ์กัน การตัดข้ามเส้นแนวโน้มแกนสามารถใช้เป็นสัญญาณว่าตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม.

ขั้นตอนการวิเคราะห์ในตลาด Forex

การวิเคราะห์ตลาด Forex โดยใช้ Gann Theory มีขั้นตอนหลักที่ควรทำเพื่อให้สามารถทำนายแนวโน้มราคาและตัดสินใจในการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  1. เตรียมข้อมูลราคา: คุณต้องรวบรวมข้อมูลราคาที่เป็นการบันทึกประวัติราคาของคู่สกุลเงินที่คุณสนใจ. ข้อมูลราคาสามารถดึงมาจากกราฟราคาในระยะเวลาที่คุณสนใจ เช่น 1 วัน, 4 ชั่วโมง, หรือ 1 ชั่วโมง และสามารถใช้เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex ในการดึงข้อมูลนี้.
  2. วิเคราะห์เทรนด์: เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์เทรนด์ราคาในตลาด Forex ในทฤษฎีแกน, เทรนด์เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรระบุว่าตลาดกำลังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น (Uptrend) หรือเทรนด์ขาลง (Downtrend) หรือเป็นเทรนด์แบบแอบเคลื่อนไหวแนวราบ (Sideways) เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขาย.
  3. สร้าง Gann Square: ใช้ Gann Square เพื่อสร้างกราฟเรขาคณิตที่มีบรรทัดและระดับที่เกี่ยวข้องกับ Gann Theory ในระยะเวลาที่คุณสนใจ จากนั้น, หามุมเรขาคณิตที่สำคัญเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ต่อไป.
  4. ใช้ Gann Fan: Gann Fan เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและระดับราคาในอนาคต โดยสร้างเส้นแฟนที่อยู่ในมุมเรขาคณิตที่สำคัญ และเน้นการตัดกันของราคากับเส้นแฟนนี้.
  5. ใช้ Gann Box: Gann Box เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยในการหาระดับ SUPPORT และ RESISTANCE โดยใช้การลดลงของราคาจากระดับสูงสุดหรือต่ำสุดในอดีต เราสามารถใช้กล่อง Gann Box เพื่อวางแผนการซื้อขายและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต.
  6. การวิเคราะห์เพิ่มเติม: ทั้งหมดนี้คือเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยในการวิเคราะห์ คุณควรทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมโดยใช้เทคนิคอื่น ๆ เช่น การใช้คู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง, การศึกษาราคาแรงซื้อขาย (Volume), และตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเสริมความเชื่อมั่นในการตัดสินใจในการซื้อขาย.
  7. การจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงิน: อย่าลืมวางแผนการจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินในการซื้อขาย Forex โดยใช้การกำหนดระดับ Stop-Loss และ Take-Profit เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษาความนำกำไรในการเทรด.