ในโลกของการเทรด Forex ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจเทคนิคการวิเคราะห์ตลาดที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดมืออาชีพคือ Market Structure Shift (MSS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการเทรดแบบ Inner Circle Trader (ICT) วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ MSS อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
MSS คืออะไร?
Market Structure Shift หรือ MSS เป็นเทคนิคการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดในระยะสั้น ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนทิศทางของราคาในอนาคตได้ MSS จะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านจุด Swing High หรือ Swing Low ที่สำคัญ โดยมีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในทิศทางเดียว (Displacement Move)
MSS แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
- Bullish MSS – เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านจุด Swing High ซึ่งบ่งชี้ว่าทิศทางตลาดกำลังเปลี่ยนเป็นขาขึ้น
- Bearish MSS – เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านจุด Swing Low ซึ่งบ่งชี้ว่าทิศทางตลาดกำลังเปลี่ยนเป็นขาลง
องค์ประกอบสำคัญของ MSS
เพื่อเข้าใจ MSS อย่างถ่องแท้ เราต้องเข้าใจองค์ประกอบสำคัญต่อไปนี้:
- Swing High และ Swing Low:
- Swing High คือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่มีแท่งก่อนหน้าและหลังมีระดับต่ำกว่า
- Swing Low คือจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่มีแท่งก่อนหน้าและหลังมีระดับสูงกว่า
- Displacement Move:
- การเคลื่อนที่ของราคาอย่างรวดเร็วในทิศทางเดียว
- อาจเกิดจากแท่งเทียนเดียวหรือหลายแท่งที่มีทิศทางเดียวกัน
- มักมี Real Body ขนาดใหญ่และ Wick สั้น แสดงถึงแรงซื้อหรือขายที่เข้มแข็ง
วิธีการระบุ MSS
การระบุ MSS มีขั้นตอนดังนี้:
- หาจุด Swing High และ Swing Low บนกราฟ
- สังเกตการเคลื่อนที่ของราคาที่มีลักษณะ Displacement Move
- หากราคาทะลุผ่านจุด Swing High/Low พร้อมกับ Displacement Move ถือว่าเกิด MSS
ตัวอย่าง:
- Bullish MSS: ในตลาดขาลง เมื่อราคาทะลุผ่าน Swing High ล่าสุดด้วย Displacement Move
- Bearish MSS: ในตลาดขาขึ้น เมื่อราคาทะลุผ่าน Swing Low ล่าสุดด้วย Displacement Move
การเทรดโดยใช้ MSS
เมื่อเกิด MSS นักเทรดสามารถใช้เทคนิคต่อไปนี้:
- ใช้ Fibonacci Retracement:
- สำหรับ Bullish MSS: วาดจากจุดต่ำสุดถึงสูงสุดของ Displacement Move
- สำหรับ Bearish MSS: วาดจากจุดสูงสุดถึงต่ำสุดของ Displacement Move
- หาจุดเข้าเทรด:
- มองหาการ Retest ที่ระดับ 50% Fibonacci Retracement
- สังเกต Fair Value Gap (FVG), Order Block หรือ Breaker Block ใกล้ระดับ 50%
- การตั้ง Stop Loss:
- Bullish Trade: ตั้ง Stop Loss 10-20 pips ใต้จุดต่ำสุดของ Displacement Move
- Bearish Trade: ตั้ง Stop Loss 10-20 pips เหนือจุดสูงสุดของ Displacement Move
- การตั้งเป้าหมายกำไร:
- ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 เป็นอย่างน้อย
- พิจารณาจุด Liquidity เก่าเป็นเป้าหมาย เช่น Swing High/Low เก่า
MSS vs CHOCH
MSS มักถูกสับสนกับ Change of Character (CHOCH) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะยาว ความแตกต่างหลักมีดังนี้:
- MSS:
- เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น
- อาจเกิดขึ้นบ่อยกว่า CHOCH
- ใช้เป็นสัญญาณเข้าเทรดในทิศทางของแนวโน้มหลัก
- CHOCH:
- เป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหลักของตลาด
- เกิดขึ้นน้อยกว่า MSS
- บ่งชี้การเปลี่ยนแปลงทิศทางตลาดในระยะยาว
นักเทรดควรใช้ทั้ง MSS และ CHOCH ร่วมกันเพื่อวิเคราะห์ตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดย MSS อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ CHOCH ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ MSS
แม้ว่า MSS จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่นักเทรดควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้:
- ไม่ควรใช้ MSS เพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและการวิเคราะห์อื่นๆ
- ระวัง False Breakout ที่อาจทำให้เกิดสัญญาณ MSS ที่ผิดพลาด
- พิจารณาปัจจัยพื้นฐานและข่าวสารที่อาจส่งผลต่อตลาด
- ฝึกฝนการใช้ MSS ในบัญชี Demo ก่อนนำไปใช้จริง
บทสรุป
Market Structure Shift (MSS) เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาด Forex ในระยะสั้น การเข้าใจและใช้ MSS อย่างถูกต้องสามารถช่วยให้นักเทรดระบุโอกาสในการเข้าเทรดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเครื่องมือการเทรดอื่นๆ MSS ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์รูปแบบอื่นและการจัดการความเสี่ยงที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด Forex
อ้างอิง: