Overtrade คืออะไร ลักษณะของการ Overtrade วิธีการแก้ไข

Overtrade คืออะไร

คำว่า “Overtrade” ในการซื้อขายในตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) โดยใช้ขนาด Lot ใหญ่เกินไปจนเกินความสามารถของผู้ลงทุน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงและขาดความสมดุลในการบริหารพอร์ตการลงทุนของคนที่ทำการเทรดนี้ การ Overtrade มักเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนมีความกระสับกระส่ายหรืออารมณ์ที่รุนแรงและตัดสินใจทำการซื้อขายโดยไม่คำนึงถึงการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม.

Overtrade คืออะไร ลักษณะของการ Overtrade วิธีการแก้ไข
Overtrade คืออะไร ลักษณะของการ Overtrade วิธีการแก้ไข

การ Overtrade ใน Forex อาจทำให้ผู้ลงทุนเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ผู้ลงทุนควรระมัดระวังและมีการวางแผนการเทรดที่มีการคำนวณขนาด Lot และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการ Overtrade และรักษาความเสถียรในการลงทุนของตนเอง.การทำการเทรดใน Forex ควรสอดคล้องกับกฎของการบริหารความเสี่ยงและการวางแผนการลงทุนอย่างมีวิจารณญาณเพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

Overtrade มีกี่รูปแบบ

การ Overtrade มีรูปแบบหลายแบบ ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับลักษณะและวิธีการที่ผู้ลงทุนต่างกันใช้ในการการซื้อขายหรือการลงทุน. อย่างไรก็ดี ความเป็นจริงคือ Overtrade มักเป็นผลมาจากการทำการซื้อขายหรือลงทุนโดยใช้ขนาดหรือปริมาณที่มากเกินไป เท่านี้คือหลักการหลักของ Overtrade ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม โดย Overtrade  มักจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่:

Overtrade มีกี่รูปแบบ
Overtrade มีกี่รูปแบบ
  1. การทำซื้อขายบ่อยเกินไป: คือสถานการณ์ที่ผู้ลงทุนหรือนักซื้อขายทำการซื้อขายในตลาดอย่างบ่อยมากโดยไม่ให้เวลาในการวิเคราะห์และตัดสินใจที่เหมาะสม รูปแบบนี้มักเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนรู้สึกความรุนแรงหรืออารมณ์ร้อนโดยไม่มีกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน และทำให้เกิดผลกระทบทางการเงินอันร้ายแรง ลักษณะของการทำซื้อขายบ่อยเกินไปประกอบด้วย
    1. การซื้อขายบ่อย: ผู้ลงทุนทำการซื้อขายอย่างบ่อยมากโดยที่ไม่คำนึงถึงความเสี่ยงและโอกาสที่แท้จริง พวกเขาอาจทำการซื้อขายในระยะเวลาสั้นๆ หลายครั้งในวันเดียวหรือมากกว่านั้น ซึ่งทำให้เพิ่มความเสี่ยงและขาดความสมดุลในการบริหารพอร์ตการลงทุนของพวกเขา.
    2. ขาดความสมดุล: การทำซื้อขายบ่อยเกินไปอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดความสมดุลในการบริหารพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่มีการคำนวณและวางแผนที่ดีเกินไป นี่ส่งผลให้พวกเขามีโอกาสขาดทุนมากขึ้น.
    3. อารมณ์ร้อนและการตัดสินใจที่ไม่มั่นคง: การทำซื้อขายบ่อยเกินไปมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนตอบสนองต่ออารมณ์ร้อนและสถานการณ์ทางตลาดอย่างไม่มีความมั่นคง พวกเขาอาจตัดสินใจในการลงทุนโดยไม่มีแผนหรือกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน.
    4. ความเสี่ยงสูง: การทำซื้อขายบ่อยเกินไปเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนอย่างมาก เนื่องจากมีโอกาสสูญเสียมากมายเมื่อตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด.
  2. การเทรดด้วยจำนวนเงินที่มากเกินไป: ผู้ลงทุนใช้จำนวนเงินหรือขนาด Lot ในการซื้อขายที่มากเกินไปโดยหวังว่าจะได้กำไรมากสุดท้าย โดยทั่วไปแล้วเป็นการใช้เงินเพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์ในตลาดทุนที่มีมูลค่ามากกว่าที่ควรจะลงทุนตามการวางแผนการลงทุนหรือความสามารถทางการเงินของผู้ลงทุน. การเทรดด้วยจำนวนเงินที่มากเกินไปมักเกิดขึ้นเนื่องจากความอิจฉาหรือความตามอารมณ์ที่ต้องการกำไรมากขึ้นหรือในระหว่างการทำการเทรด นี่คือสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเทรดด้วยจำนวนเงินที่มากเกินไป:
    1. เพิ่มความเสี่ยง: การเทรดด้วยจำนวนเงินที่มากเกินไปอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน หากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่ตรงกับคาดการณ์ของคุณ ความเสี่ยงทางการเงินของคุณอาจถูกเพิ่มขึ้น.
    2. ความเครียด: การเทรดด้วยจำนวนเงินที่มากเกินไปสามารถสร้างความเครียดและกังวลในผู้ลงทุน เนื่องจากมีเงินลงทุนมากในการซื้อขาย การเครียดนี้สามารถมีผลกระทบต่อการตัดสินใจที่ไม่สมดุลและสามารถนำไปสู่ความขาดความสมดุลในการเทรด.
    3. การใช้เลเวอร์เรจ (Leverage) โดยไม่มีการคำนวณอย่างถูกต้อง: การเลือกใช้เลเวอร์เรจในการเทรดในขนาดที่มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยง ถ้าคุณไม่คำนึงถึงการใช้เลเวอร์เรจอย่างรอบคอบ การเทรดด้วยเลเวอร์เรจที่สูงอาจทำให้ขาดทุนมากขึ้น.
    4. เสียเงินมากเมื่อตลาดไม่อยู่ในทิศทางของคุณ: ถ้าคุณลงทุนมากเกินไปและตลาดไม่เคลื่อนไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ คุณอาจสูญเสียเงินมากมาย นี่เป็นความเสี่ยงที่มีตัวแปรมากและต้องระมัดระวัง.
    5. ขาดความสมดุลในการบริหารพอร์ต: การลงทุนด้วยจำนวนเงินที่มากเกินไปอาจทำให้ขาดความสมดุลในการบริหารพอร์ตการลงทุนของคุณ คุณอาจไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของคุณได้.

ลักษณะของการ Overtrade

ลักษณะของ Overtrade ที่เป็นไปได้ ดังที่คุณได้ระบุมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการทำ Overtrade อย่างเป็นทางการ สิ่งที่คุณรายละเอียดไว้มักเป็นอาการหรือพฤติกรรมที่พบในผู้ที่มีนิสัย Overtrade

ลักษณะของการ Overtrade
ลักษณะของการ Overtrade
  1. หงุดหงิดเมื่อขาดทุน: เมื่อผู้ลงทุนหงุดหงิดหรือโกรธเมื่อเสียเงินในการซื้อขายหรือการลงทุน พวกเขาอาจทำการ Overtrade เพื่อพยายามกำไรเพิ่มเติมเพื่อชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้น นี้อาจทำให้พวกเขาตัดสินใจการซื้อขายอย่างไม่มีการวิเคราะห์และเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน.
  2. เทรดมั่วๆ โดยไม่มีระบบการเทรด: Overtrade อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนทำการซื้อขายโดยไม่มีแผนการลงทุนหรือระบบการเทรดที่ชัดเจน พวกเขาอาจทำการซื้อขายโดยคิดว่าเข้าตลาดเมื่อคิดอย่างสมมติ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างรวดเร็ว.
  3. ใส่ Lot Size มั่วๆ โดยไม่มีการคำนวณ Lot Size: การใช้ขนาด Lot ที่ไม่เหมาะสมและไม่คำนึงถึงการคำนวณ Lot Size ให้เหมาะสมสามารถทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนและการ Overtrade แทน ควรใช้การคำนวณ Lot Size แบบเฉพาะกับบัญชีและความเสี่ยงของคุณ.
  4. นั่งเฝ้ากราฟทั้งวัน: การติดตามกราฟตลอดเวลาอาจทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกไม่มั่นคงและกระตือรือร้นในการทำการซื้อขาย ซึ่งอาจเป็นแนวทางในการ Overtrade เพราะพวกเขาอาจทำการซื้อขายโดยไม่มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน.
  5. เปลี่ยนระบบการเทรดไปเรื่อยๆ: การเปลี่ยนแปลงระบบการเทรดบ่อยครั้งอาจทำให้ผู้ลงทุนทำการ Overtrade โดยไม่มีแผนการลงทุนที่เสถียร ควรมีระบบการเทรดที่ชัดเจนและได้รับการทดสอบอย่างเสถียรก่อนการใช้งานจริง.
  6. เปิดออเดอร์เยอะ โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน: การเปิดออเดอร์มากๆ โดยไม่มีเหตุผลหรือวิเคราะห์ที่ชัดเจนสามารถทำให้เกิดการ Overtrade และเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน ควรทำการวิเคราะห์และมีเหตุผลที่ชัดเจนในการเปิดออเดอร์ในแต่ละครั้ง.

วิธีการแก้ไข OverTrade

ารแก้ไข Overtrade เป็นขั้นตอนสำคัญในการบริหารการลงทุนหรือการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Overtrade อาจเสี่ยงต่อความขาดความสมดุลในพอร์ตการลงทุนและส่งผลกระทบต่อการประสบความสำเร็จในระยะยาว ดังนั้นนี่คือวิธีการแก้ไข Overtrade

วิธีการแก้ไข OverTrade
วิธีการแก้ไข OverTrade
  1. คำนวณ Lot Size ก่อนเทรด: การคำนวณ Lot Size เป็นขั้นตอนสำคัญในการลงทุนและการเทรด Forex เพื่อหลีกเลี่ยงการ Overtrade. คุณควรจะทำการคำนวณ Lot Size โดยพิจารณาความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับได้ในแต่ละออเดอร์และระยะห่างของ Stop Loss (SL) ที่คุณตั้งไว้. สูตรคำนวณ Lot Size คือ: จำนวนเงินที่ขาดทุนได้ในแต่ละออเดอร์ ÷ จะตั้ง Stop Loss (SL) ที่กี่จุด โดยการคำนวณ Lot Size ช่วยให้คุณกำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสมเท่ากับความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับได้.ตัวอย่างการคำนวณ Lot Size  สมมุติว่าคุณมียอดเงินลงทุนในบัญชีของคุณทั้งหมด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และคุณต้องการซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ในตลาด Forex และต้องการกำหนด Stop Loss (SL) ที่ระยะห่าง 50 จุด (pips) จากราคาเปิดที่ 1.1200.
    1. หาจำนวนเงินที่คุณพร้อมขาดทุนได้ในการเทรด: คุณต้องกำหนดระดับความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับ. ในกรณีนี้เราจะสมมุติว่าคุณพร้อมรับความเสี่ยงได้สูงสุด 2% ของยอดเงินลงทุน ดังนั้น:    2% ของ 10,000 USD = 0.02 x 10,000 = 200 USDคุณพร้อมขาดทุนได้สูงสุด 200 ดอลลาร์สหรัฐ.
    2. หาค่าการเปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงิน EUR/USD ในหนึ่ง pip: สำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD ในกรณีนี้, 1 pip มีค่าเท่ากับ 0.0001 หรือ 1/10,000. ดังนั้น, ค่าการเปลี่ยนแปลงของ 1 pip สำหรับคู่สกุลเงินนี้คือ:               0.0001 x 10,000 = 1 USDหรือสามารถพูดว่า 1 pip = 1 ดอลลาร์สหรัฐ.
    3. หาค่า Stop Loss (SL) ใน pips: คุณต้องการตั้ง Stop Loss ที่ระยะห่าง 50 จุด (pips) จากราคาเปิด 1.1200 ดังนั้น:              SL = 50 pips
    4. คำนวณ Lot Size ที่เหมาะสม: ตอนนี้คุณมีข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการในการคำนวณ Lot Size ตามสูตรที่อธิบายไว้:Lot Size = 200 USD (จำนวนเงินที่คุณพร้อมขาดทุน) ÷ 50 pips (ระยะห่างจาก SL)Lot Size = 4 USD/pip (หรือ 4 Lot สำหรับแต่ละ pip ของราคา)

    ดังนั้นในกรณีนี้, คุณควรซื้อ 4 Lot ของคู่สกุลเงิน EUR/USD เพื่อรักษาความเสี่ยงในการเทรดในระดับที่คุณพร้อมรับได้ไม่เกิน 2% ของยอดเงินลงทุนของคุณ. โดยที่แต่ละ Lot มีมูลค่าเท่ากับ 1 USD ต่อ pip.

  2. หยุดการเทรด: หากคุณรู้สึกว่าคุณกำลัง Overtrade หรือมีอารมณ์เสียหาย คุณควรหยุดการเทรดอย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้คุณมีเวลาสะสมความสงบใจและลดความตื่นเต้นในการซื้อขาย. การพักการเทรดช่วยให้คุณสามารถคืนสติและปรับความรู้สึก.
  3. ใช้ระบบการเทรดที่มีกำไร: มีระบบการเทรดที่ชัดเจนและได้รับการทดสอบเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน Overtrade. ระบบการเทรดช่วยคุณรักษาความสมดุลและควบคุมพฤติกรรมการซื้อขาย. การเปิดออเดอร์เฉพาะเมื่อระบบตรงกับเงื่อนไขที่กำหนดจะช่วยลดการเปิดออเดอร์บ่อยๆ.
  4. การตั้งกฏการเทรด Forex: การตั้งกฏการเทรด Forex เป็นการกำหนดกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่คุณจะทำการเทรดตามนั้น เพื่อควบคุมการเทรดของคุณให้อยู่ในกรอบที่คุณรู้สึกสบายและควบคุมได้ ในกรณีนี้ กฎการเทรดเกี่ยวกับการส่งคำสั่ง Lot ต่อ 1 ออเดอร์และการคำนวณ Lot Size เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่เกิน 2% ของพอร์ตการลงทุน เป็นตัวอย่างของการตั้งกฏการเทรด.
  5. ปัญหาการเทรดบ่อยครั้ง: การเทรดบ่อยครั้งหรือการเสพติดการเทรด Forex อาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการขาดทุนและความเครียด การตั้งกฎเกณฑ์การเทรดที่จำกัดจำนวนครั้งที่คุณสามารถเทรดในแต่ละวัน และการกำหนดเวลาเสริมที่คุณจะเทรด (เช่น 1 ครั้งต่อวัน) สามารถช่วยควบคุมปัญหาการเสพติดการเทรด นี่คือการสร้างนิสัยการเทรดที่มีวินัยและอยู่ในความควบคุม.
  6. กระจายความเสี่ยง: การแบ่งสัดส่วนพอร์ตการลงทุนเป็นส่วนย่อยๆ ให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยงในการเทรด Forex การกระจายความเสี่ยงคือการลงทุนในหลายคู่เงินและตลาดในวินัยและด้วยการกำหนดขนาด Lot Size และการใช้ Stop Loss ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของแต่ละพอร์ต ทำให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ข้อดีและข้อเสียของการ Overtrade

การ Overtrade อาจมีข้อดีในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่คุณคาดหวังในระยะเวลาสั้น แต่มีความเสี่ยงสูงและอาจเสี่ยงต่อความเครียดและการขาดทุนมากมาย ควรใช้การตัดสินใจและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีความรู้สึกในการเทรด Forex อย่างมีสติ โดยข้อดีและข้อเสียของการ Overtrade ซึ่งจะอธิบายแต่ละข้ออย่างละเอียดดังนี้

ข้อดีและข้อเสียของการ Overtrade
ข้อดีและข้อเสียของการ Overtrade

ข้อดีของการ Overtrade

  1. ได้กำไรในปริมาณที่มาก: เมื่อคุณ Overtrade คุณมีโอกาสที่จะได้กำไรมากขึ้นในการเทรด Forex ในระยะเวลาสั้นๆ แม้ว่าคุณจะเปิดออเดอร์ในปริมาณมากในคราวเดียว หากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่คุณคาดหวัง คุณอาจทำกำไรมากได้ในระยะเวลาสั้น.
  2. ทำให้ไม่ต้องเทรดหลายครั้งในหนึ่งวัน: การ Overtrade อาจทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงความเสี่ยงหลายครั้งในหนึ่งวัน เนื่องจากคุณเปิดออเดอร์ในปริมาณมากในคราวเดียว ทำให้คุณไม่ต้องเทรดบ่อยๆ เพื่อทำกำไร.

ข้อเสียของการ Overtrade

  1. ความเสี่ยงต่อการเทรดสูง: การ Overtrade มักเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากคุณเปิดออเดอร์ในปริมาณมากเกินไป หากตลาดไม่เคลื่อนไปในทิศทางที่คุณคาดหวัง คุณอาจขาดทุนมากมายในระยะเวลาสั้น
  2. ได้กำไรมาก แต่ก็เสียมากเช่นกัน: การ Overtrade อาจทำให้คุณได้กำไรมากในบางครั้ง แต่ก็สามารถทำให้คุณเสียเงินมากเช่นกัน ความผันผวนของกำไรและขาดทุนอาจเพิ่มขึ้น เป็นแบบที่ได้กำไรมากๆ แต่ก็แสดงถึงความขาดทุนมากๆ ในบางครั้ง.
  3. เทรดเดอร์ต้องแบกรับความเครียดอย่างหนัก: การ Overtrade อาจทำให้เทรดเดอร์ต้องพบกับความเครียดและกังวลมากขึ้น เนื่องจากต้องเฝ้ากราฟและตัดสินใจเร็วในการเทรดในระยะเวลาสั้นๆ ที่อาจทำให้มีแรงกดดันทางอารมณ์.