Relative Vigor Index คืออะไร
RVI หรือ Relative Vigor Index RVIคือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดและการซื้อขายทางการเงิน โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงระยะสั้น ตัวชี้วัดนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยในการตรวจสอบแนวโน้มของตลาดและความเข้มข้นของการเปลี่ยนแปลงราคาในขณะที่มีการซื้อขายเกิดขึ้น ซึ่งมักถูกนำมาใช้ในระยะเวลาเฉพาะเช่นการวิเคราะห์ราคารายวันหรือรายสัปดาห์RVI ทำงานโดยเปรียบเทียบราคาเปิดกับราคาปิดของสินค้าหรือสินทรัพย์ในตลาดที่น่าสนใจ โดยทั่วไปแล้วในตลาดที่แข็งแรง ราคาปิดมักจะสูงกว่าราคาเปิด ในขณะที่ในตลาดที่อ่อนแอ ราคาปิดมักจะต่ำกว่าราคาเปิด
การคำนวณ RVI ทำโดยหารความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด (ราคาปิด – ราคาเปิด) ด้วยความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของวันนั้น (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด) สูตรคำนวณนี้จะให้ผลลัพธ์เป็นค่า RVRVI สามารถใช้ในการสร้างสัญญาณซื้อขาย โดยหากค่า RVI เข้าไปในพื้นที่บวกเหนือเส้นศูนย์ อาจถือเป็นสัญญาณซื้อ ในขณะที่ถ้าค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ อาจถือเป็นสัญญาณขาย
ที่มาของ Relative Vigor Index
Relative Vigor Index (RVI) ถูกพัฒนาขึ้นโดย John Ehlers นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการซื้อขายในตลาดการเงิน เนื่องจากความสนใจของเขาในการนำวิทยาศาสตร์สัญญาณดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด. เขาเป็นผู้เขียนหนังสือที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการซื้อขายแบบคลื่นวิทยุและการนำวิทยาศาสตร์การควบคุมมาใช้ในการวิเคราะห์ตลาด หนังสือของเขารวมถึง “Rocket Science for Traders,” “Cybernetic Analysis for Stocks and Futures,” “MESA and Trading Market Cycles,” และ “Cycle Analytics for Traders” มีผลทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลในวงการการซื้อขายทางเทคนิค.
RVI ถูกออกแบบขึ้นเพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาในช่วงระยะสั้น โดยเปรียบเทียบราคาปิดและราคาเปิดของสินค้าหรือสินทรัพย์ในตลาด ในสถานการณ์ทั่วไปที่ตลาดแข็งแกร่ง ราคาปิดมักสูงกว่าราคาเปิด ในขณะที่ในตลาดที่อ่อนแอ ราคาปิดมักต่ำกว่าราคาเปิดRVI สามารถใช้ในการสร้างสัญญาณการซื้อขาย โดยเมื่อค่า RVI ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์ มันสามารถถือเป็นสัญญาณการซื้อ และเมื่อค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันสามารถถือเป็นสัญญาณการขาย แต่การใช้ RVI ควรร่วมกับการวิเคราะห์และเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อตัดสินใจการซื้อขายอย่างมีระบบและอย่างรอบคอบ
สูตรการคำนวณ Relative Vigor Index (RVI)
สูตรการคำนวณ Relative Vigor Index (RVI) เป็นอย่างง่ายและมีขั้นตอนดังนี้:
1.คำนวณความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด (Price Difference – PD):ขั้นตอนแรกนี้เราจะต้องหาความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิดของสินค้าหรือสินทรัพย์ในวันที่เราต้องการคำนวณ RVI นั่นคือ PD ซึ่งคำนวณได้ด้วยสูตรต่อไปนี้:
PD = ราคาปิด – ราคาเปิด
สูตรนี้ PD คือค่าความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิดในวันที่เราสนใจ.
2.คำนวณความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด (Price Range – PR):ขั้นตอนนี้เราจะต้องหาความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของสินค้าหรือสินทรัพย์ในวันที่เราสนใจ นั่นคือ PR ซึ่งคำนวณได้ด้วยสูตรต่อไปนี้:
PR = ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด
สูตรนี้ PR คือค่าความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดในวันที่เราสนใจ.
3.คำนวณค่า RVI:มีค่า PD และ PR ที่คำนวณได้จากขั้นตอนที่ 1 และ 2 เราสามารถคำนวณค่า RVI ตามสูตรต่อไปนี้:
RVI = (2 * PD) / PR
สูตรนี้ RVI คือค่า Relative Vigor Index ที่เราต้องการคำนวณ. เราจะนำค่า PD ที่คำนวณได้ในขั้นตอนแรก คูณด้วย 2 และหารด้วยค่า PR ที่คำนวณได้ในขั้นตอนที่ 2 เพื่อให้ได้ค่า RVI.
ค่า RVI ที่ได้จากสูตรข้างต้นนี้มักถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และสร้างสัญญาณการซื้อขายในตลาดทางการเงิน. ค่า RVI ที่คำนวณออกมาจะอยู่ในช่วงระหว่าง -1 ถึง +1 โดยทั่วไป.
- ถ้า RVI มากกว่า 0 และเข้าใกล้ +1, แสดงว่ามีแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) และตลาดอาจจะกำลังเป็นแนวขาขึ้น.
- ถ้า RVI น้อยกว่า 0 และเข้าใกล้ -1, แสดงว่ามีแนวโน้มขาลง (Bearish) และตลาดอาจจะกำลังเป็นแนวขาลง.
การวิเคราะห์ Relative Vigor Index (RVI) ใน MT4
การวิเคราะห์ Relative Vigor Index (RVI) ใน MetaTrader 4 (MT4) และตลาด Forex ทำได้โดยการใช้ตัวชี้วัด RVI ที่มีให้ใน MT4 และทำการตรวจสอบสัญญาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นจาก RVI ดังนี้:
- เปิดกราฟหรือแผนภูมิราคาใน MT4:เริ่มต้นโดยการเปิด MetaTrader 4 และเลือกคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่คุณต้องการทำการวิเคราะห์บนกราฟ. คุณสามารถทำได้โดยการคลิกขวาที่คู่สกุลเงินนั้นในรายการ “Market Watch” แล้วเลือก “Chart Window” เพื่อเปิดกราฟ.
- เพิ่มตัวชี้วัด RVI ลงในกราฟ:เมื่อคุณเปิดกราฟแล้ว ให้คลิกที่เครื่องมือตัวชี้วัด (Indicator) ที่มีรูปไอคอนหน้าสว่างที่มุมบนขวาของกราฟ. จากนั้นค้นหา “Relative Vigor Index (RVI)” และคลิกเพื่อเพิ่มตัวชี้วัดนี้ลงในกราฟ.
- ตั้งค่าพารามิเตอร์ของ RVI:เมื่อคุณเพิ่ม RVI ลงในกราฟแล้ว จะมีหน้าต่างเพื่อตั้งค่าพารามิเตอร์ของ RVI ปรากฏขึ้น. พารามิเตอร์ที่สำคัญที่ควรใส่คือระยะเวลา (Period) ซึ่งเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณ RVI. ค่าเริ่มต้นที่แนะนำคือ 14 ซึ่งใช้ค่านี้ในการคำนวณความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด. คุณสามารถปรับค่านี้ตามความต้องการของคุณ.
- อ่านสัญญาณการซื้อขายจาก RVI:
- สัญญาณการซื้อ: เมื่อค่า RVI ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณการซื้อ. นี่แสดงว่าตลาดอาจจะกำลังเป็นแนวขาขึ้น (Bullish). ควรพิจารณาการเปิดสัญญาณซื้อในขณะนี้.
- สัญญาณการขาย: เมื่อค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณการขาย. นี่แสดงว่าตลาดอาจจะกำลังเป็นแนวขาลง (Bearish). ควรพิจารณาการเปิดสัญญาณขายในขณะนี้.
- ความรับผิดชอบและการจัดการความเสี่ยง:ไม่ว่าคุณจะใช้ RVI หรือตัวชี้วัดใดในการตัดสินใจการซื้อขาย ควรมีความรับผิดชอบและการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ. คุณควรใช้สต็อปลอส (Stop Loss) เพื่อระบุระดับที่คุณพร้อมรับความเสี่ยงและมีกลยุทธ์การจัดการการเงินที่เหมาะสม.
ข้อดีข้อเสียของ Relative Vigor Index
RVI Indicator เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักเล่นตลาดที่ต้องการวิเคราะห์แรงซื้อและแรงขายในตลาดเพื่อตัดสินใจการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมสถานการณ์ทั้งหมดในตลาดทางการเงิน. มีข้อดีและข้อเสียของ Relative Vigor Index (RVI) ดังนี้
ข้อดีของ Relative Vigor Index (RVI):
- วัดแรงซื้อและแรงขาย: RVI ช่วยในการวัดแรงซื้อและแรงขายในตลาดอย่างแม่นยำโดยการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด นี่ช่วยให้คุณเข้าใจความเปลี่ยนแปลงในการตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
- สัญญาณการซื้อขาย: RVI สามารถให้สัญญาณการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบค่า RVI ว่ามีค่าสูงกว่า 50 หรือไม่ ถ้าค่า RVI มากกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและเป็นสัญญาณในการซื้อขาย.
- ตรวจสอบความสมดุลของตลาด: RVI ช่วยในการตรวจสอบความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายในตลาด นี่ช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มและแรงขับเคลื่อนของตลาด.
- ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: RVI สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น เส้นเทรนด์, แบบจำลองราคาหรือระดับการสนับสนุนและความต้านทาน เพื่อทำการวิเคราะห์และตัดสินใจการซื้อขายที่เสถียรมากขึ้น.
ข้อเสียของ Relative Vigor Index (RVI):
- ความล่าช้าในการส่งสัญญาณ: RVI มีความล่าช้าในการส่งสัญญาณการซื้อขาย ซึ่งอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดีในการเข้าหรือออกจากตลาดในขณะที่ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว. การล่าช้าในการส่งสัญญาณสามารถทำให้การซื้อขายไม่ได้ผลในบางครั้งหรือมีผลกำไรน้อยลง.
- ไม่เหมาะสำหรับตลาดแบบออกแบบใหม่: RVI อาจไม่เหมาะสำหรับตลาดที่มีลักษณะแบบออกแบบใหม่ที่มีความผันผวนและความแกว่งใหญ่ ในบางกรณี RVI อาจให้สัญญาณที่ไม่เพียงพอในการวิเคราะห์สภาพตลาดที่ซับซ้อน.
- ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: RVI อย่างเดียวของมันไม่เพียงพอในการทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค. คุณควรพิจารณาความเหมาะสมของ RVI ในสภาวะตลาดที่คุณกำลังศึกษาและใช้งาน และบวกเครื่องมืออื่น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง.
- อาจไม่เหมาะกับทุกสภาวะตลาด: RVI อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำหรือไม่เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด คุณควรพิจารณาความเหมาะสมของ RVI ในสภาวะตลาดที่คุณกำลังศึกษาและใช้งาน.